จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การลงทุนในทุกประเภทสินทรัพย์ ทั้งตราสารหนี้ หุ้น REIT รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองและน้ำมันปรับตัวลงอย่างมากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีมาตรการช่วยเหลือทางการเงินและการคลังที่ธนาคารกลางและรัฐบาลหลายประเทศทยอยออกมานั้นทำให้ตลาดหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นแม้จะยังคงมีความผันผวนอยู่แต่น่าจะลดน้อยลงกว่าช่วงที่ผ่านมา ในช่วงวิกฤติเช่นนี้เรามองเห็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่รับความผันผวนระยะสั้นได้ และมีเป้าหมายสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ธีมการลงทุนที่น่าสนใจในสถานการณ์เช่นนี้ ได้แก่
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
แนะนำ กองทุนเปิดกรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ (KFHTECH)
ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นผันผวนมากและมีการปรับตัวลงแรง แต่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากมาตรการ lock down ประเทศ และ social distancing ทำให้ผู้คนต้อง work-from-home การใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ต้องสั่งอาหาร สินค้าและบริการจากแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือข่าวสารความบันเทิงผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ต software และกลุ่มสื่อสตรีมมิ่ง เพิ่มขึ้นทั่วโลก
เรามองว่ากองทุน KFHTECH ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก คือ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) น่าสนใจ เพราะมีการกระจายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดีในระยะยาว เช่น AI, Cloud Computing และ Internet of Things โดยผู้จัดการกองทุนได้ทยอยปรับลดสัดส่วนการลงทุนในกลุ่ม semiconductor ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการหยุดชะงักของ supply chain ทั่วโลก และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกลุ่ม software and service ที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันกองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ในช่วงการแพร่ระบาดของ
โควิด-19 ประมาณ 50 – 70% ของ NAV ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของกองทุนหลักโดดเด่นและดีกว่าดัชนีอ้างอิง
ผลตอบแทนย้อนหลัง |
% ตามช่วงเวลา
|
% ต่อปี
|
3 เดือน |
6 เดือน |
YTD |
1 ปี |
3 ปี |
5 ปี |
BGF World Technology Fund (กองทุนหลักของ KFHTECH) |
-6.94% |
-7.92% |
1.23% |
8.57% |
20.94% |
17.23% |
MSCI All Country World Information Technology Index - Net Return in USD |
-9.68% |
-13.69% |
5.15% |
6.71% |
14.29% |
13.81% |
MSCI All Country World Index |
-13.45% |
-21.27% |
-16.44% |
-10.78% |
2.06% |
3.43% |
ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 63 ที่มา : Bloomberg
ข้อมูลเพิ่มเติมกองทุน KFHTECH
หุ้นกลุ่มตั้งรับ (Defensive stock)
เพื่อรับมือกับความผันผวนในตลาด
แนะนำ กองทุนกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ (KFGBRAND)
หุ้นกลุ่มตั้งรับ (Defensive stock) ได้แก่ หุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิต กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค สามารถรับมือกับความผันผวนในตลาดได้ค่อนข้างดี เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคชีวิตประจำวัน ยารักษาโรค และบริการทางการแพทย์ก็ยังคงมีต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินงานของธุรกิจในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบไม่หนักเท่ากับธุรกิจอื่นในตลาด ในเวลาที่ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเช่นในปัจจุบัน เรามองว่า KFGBRAND น่าสนใจ เพราะเน้นการลงทุนในสินค้าแบรนด์ชั้นนำ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และหุ้นในกลุ่มการแพทย์ด้วย กองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Fund – Global Brand Fund จัดตั้งมายาวนานกว่า 19 ปี และมีประวัติการสร้างผลตอบแทนที่
โดดเด่น แม้ผลตอบแทนของกองทุนหลักตั้งแต่ต้นปี (1 ม.ค. 63 – 31 มี.ค. 63) จะติดลบ 7.19% แต่ยังดีกว่า ดัชนีอ้างอิง MSCI World Net Index ที่ติดลบถึง 14.45% ผู้จัดการกองทุนมีความมั่นใจในหุ้นของบริษัทที่ลงทุนอยู่ว่าจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าตลาดโดยรวม และหากพ้นช่วง lock down คาดว่ายอดขายจะเริ่มกระเตื้องขึ้นจากการที่ประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายในสินค้าที่จำเป็นต้องใช้นั่นเอง กองทุน KFGBRAND มีให้เลือกลงทุนทั้งแบบสะสมมูลค่าและจ่ายปันผล
ข้อมูลเพิ่มเติมกองทุน KFGBRAND
หุ้นบริษัทในประเทศจีน
ที่รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังภาวะการระบาดในประเทศเริ่มดูคลี่คลายลง
แนะนำ กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้ (KFACHINA)
หลังจากที่การแพร่ระบาดในจีนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเปิดเมืองอู่ฮั่นพร้อมยกเลิกการปิดกั้นการเดินทางได้ในวันที่ 8 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา เป็นสัญญาณว่าประเทศจีนจะเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้การลงทุนในหุ้นจีนน่าสนใจ ดังนี้
1. เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในจีน จากตัวเลข Caixin China General Manufacturing PMI ประจำเดือนมีนาคม 2563 ที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมา อยู่ที่ระดับ 50.2
2. เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา IMF ได้ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2020 มาอยู่ที่ -3% โดยประเทศจีนเป็นเพียง 1 ใน 2 ประเทศที่ IMF มองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2020 จะอยู่ในแดนบวก ที่ 1.2%
3. แม้ว่าตลาดหุ้นจีน (CSI300 Index) จะมีการฟื้นตัวกว่า 8.37% จากจุดต่ำสุด (23 มี.ค. 63 – 14 เม.ย. 63 ) แต่ดัชนีหุ้นจีนในระดับปัจจุบัน ยังถือว่าอยู่ในระดับ ที่ไม่แพง เนื่องจาก PE ของตลาด ณ วันที่ 14 เม.ย. 63 มีการซื้อขายอยู่ที่ 11.51 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ ระดับ 13.09 เท่า
กองทุน KFACHINA ลงทุนผ่านกองทุนหลัก UBS (Lux) IS – China A Opportunity (USD) P-acc ที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในประเทศจีนที่มีพื้นฐานดี และมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปในระยะยาว โดยเน้นไปยังกลุ่มธุรกิจ New Economy เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มการแพทย์ เป็นต้น กองทุนหลักบริหารโดย Bin Shi
ผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่พิสูจน์ความสำเร็จด้วยผลตอบแทนระยะยาวที่โดดเด่น โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี ณ สิ้นเดือน ก.พ. 63 ของกองทุนหลัก อยู่ที่ 17.99% ต่อปี เทียบกับดัชนีอ้างอิง MSCI China A Onshore (net div. reinv.) ที่ -1.57% ต่อปี ในช่วงสั้นที่ตลาดผันผวนอย่างมากในช่วง 23 มี.ค. 63 – 14 เม.ย. 63 กองทุนหลักสามารถฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด โดยปรับตัวขึ้น 11.4% ในขณะที่ ดัชนีอ้างอิงปรับตัวขึ้นเพียง 8.98% เท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติมกองทุน KFACHINA
วิธีทางการเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์
ผ่าน KMA-Krungsri Mobile App
ลูกค้าที่มี KMA-Krungsri Mobile App
1. เปิด KMA-Krungsri Mobile App
2. เลือกเมนู “กองทุนรวม” > “เปิดบัญชีกองทุน” ทำตามขั้นตอนจนสำเร็จ
3. เลือกลงทุนในกองทุนรวมได้เลย
ลูกค้ามีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กรุงศรี แต่ไม่มี KMA-Krungsri Mobile App
1. ดาวน์โหลด KMA-Krungsri Mobile App
2. ลงทะเบียนโดยใช้บัญชีเงินฝากกรุงศรี วิธีลงทะเบียน
3. เลือกเมนู “กองทุนรวม” > “เปิดบัญชีกองทุน” เลือกซื้อกองทุนรวม
4. เลือกลงทุนในกองทุนรวมได้เลย
คำเตือน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
• กองทุน KFHTECH มีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนการลงทุน • กองทุน KFGBRAND, KFACHINA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้จัดการกองทุนอาจเข้าทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และในกรณีที่ไม่ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงฯ ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ทั้งนี้ โดยปกติกองทุน KFGBRAND, KFACHINA จะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ • KFACHINA-A ลงทุนกระจุกตัวในตราสารผู้ออก จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก • KFHTECH, KFGBRAND, KFACHINA เป็นกองทุนที่ลงทุนกระจุกตัวในประเทศ หรือกลุ่มประเทศที่กองทุนลงทุน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์การลงทุน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ("ธนาคาร") ข้อมูล และบทความ รวมถึงการแสดงความเห็นทั้งหลายที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการวางแผนการลงทุน โดยจัดทำบนพื้นฐานแหล่งข้อมูลที่เปิดเผย และพิจารณาแล้วว่าน่าเชื่อถือ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่ธนาคารมิอาจรับรองความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ห้ามมิให้นำเอกสารฉบับนี้อันเป็นลิขสิทธิ์ของธนาคาร ไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทั้งนี้ ธนาคารไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาของเอกสารฉบับนี้
สนใจลงทุนคลิก