อยาก ‘ลงทุนทอง’ เลือกแบบไหนที่ใช่สไตล์เรา

Posted On 9 สิงหาคม 2565
By Krungsri The COACH
“ทองคำ” ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยจากความผันผวนของสินทรัพย์อื่นที่ใคร ๆ ก็เลือกลงทุน หากเรามองย้อนกลับไปราว 20 ปีที่แล้ว
ทองคำจะมีราคาอยู่ที่ราว ๆ บาทละ 6,000 บาท แต่ในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นอยู่ที่ราว ๆ บาทละ 29,000-30,000 บาท สิ่งที่เห็นได้ชัดจากหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาคือราคาของทองคำพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามกลไกของอุปสงค์-อุปทาน ที่มีคนต้องการมากราคาก็ยิ่งสูงขึ้น
ท่านใดที่กำลังสนใจจะ
เริ่มต้นลงทุนทองอยู่ บทความนี้จะพาไปท่องโลกแห่งการลงทุนทองคำให้ครบทุกซอกทุกมุม เพื่อให้การตัดสินใจในครั้งนี้คุ้มค่า
จากการที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราขอดูถึงเรื่องของปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นและลงกันก่อน
โดยเราจะแบ่งปัจจัยหลัก ๆ ออกเป็น 4 ปัจจัย
- เรื่องของสกุลเงิน
โดยหลัก ๆ แล้วเราจะอิงจากสกุลเงินดอลลาร์เพราะเป็นสกุลเงินที่นิยมใช้กันทั่วโลก เมื่อใดก็ตามที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก็จะทำให้ราคาทองคำมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าไม่เพียงแต่ค่าเงินดอลลาร์เท่านั้น เพราะทองคำเองก็สามารถแปลงเป็นมูลค่าได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินใด ๆ ก็ตาม อีกทั้งเราสามารถลงทุนทอง และซื้อขายได้ทันที
- เรื่องของนโยบายการเงินจากภาครัฐและอัตราดอกเบี้ย
ถ้าหากว่าดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็จะแสดงว่าเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นแล้วจึงทำให้ราคาทองล่วงก็ได้ แต่ถ้าหากว่าเศรษฐกิจไม่ดีตลาดหุ้นผันผวน ก็จะทำให้ราคาทองพุ่งสูงขึ้นทันที และเหล่านักลงทุนที่กำลังสนใจจะเริ่มต้นจะเห็นได้เลยว่าสินทรัพย์นี้ค่อนข้างมีความปลอดภัยนั่นเอง
- ราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาทองพุ่งสูงขึ้น เพราะผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น เช่นเดียวกับทองคำ ฉะนั้นแล้วหากเราอยากลงทุนทองอาจจะต้องดูราคาน้ำมันควบคู่ไปด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ราคาน้ำมันขึ้น ราคาทองก็พุ่งขึ้นตาม และเมื่อใดที่ราคาน้ำมันลด ราคาทองก็ลดลงเช่นกัน
- ความต้องการของทองคำ
ทองคำเป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง จึงทำให้ใคร ๆ ก็ต้องการ ลองนึกภาพตามหากเราได้ของขวัญมาหนึ่งชิ้นเป็นทองคำ ผู้รับย่อมดีใจเพราะมองเห็นถึงมูลค่าที่สามารถนำไปขายต่อได้ หรือเก็บไว้ยามฉุกเฉินจริง ๆ เพราะในกรณีที่เราฉุกเฉินเดือดร้อนด้านการเงิน ก็สามารถหยิบทองคำเหล่านั้นมาขายได้ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทองคำเป็นหนึ่งในของขวัญชั้นยอด ที่มีความต้องการจากทั้งผู้ให้ และผู้รับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นแล้วนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาของทองคำก็สูงขึ้น
และนี่ก็เป็น 4 ปัจจัยหลัก ๆ ที่เราสามารถใช้
วิเคราะห์ราคาทองที่เราสนใจจะเริ่มต้นลงทุนทองได้นั่นเอง ฉะนั้นแล้วเราก็มาต่อกันที่
วิธีการลงทุนทองที่นิยมกันในประเทศ โดยหลัก ๆ แล้วแบ่งออกเป็น 3 วิธี
- ลงทุนทองด้วยการซื้อขายทองคำจากร้านทอง หรือการที่เราซื้อทองคำโดยตรงจากร้านทองมาเก็บไว้ โดยในรูปแบบนี้เราสามารถเลือกรูปแบบทองคำได้ ไม่ว่าจะเป็นทองแท่ง หรือทองรูปพรรณ เช่น สร้อย แหวน กำไลข้อมือ แต่อย่าลืมว่าหากเราเริ่มต้นลงทุนทองด้วยทองคำรูปพรรณ เมื่อใดก็ตามที่เราต้องการขาย ราคาจะตกลงกว่าทองคำแท่ง เพราะเราจะโดนหักค่าเสื่อมด้วย ฉะนั้นแล้วหากเราต้องการลงทุนทองจริง ๆ ขอแนะนำว่าให้ซื้อทองคำแท่งไว้จะคุ้มราคาขาย
- ลงทุนทองผ่านกองทุนรวม หรือกองทุนทองคำโดยตรง คนที่กำลังจะลงทุนในกองทุนต่าง ๆ สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่มีการลงทุนทองคำได้เช่นกัน เพราะทองคำสามารถเก็งกำไร และช่วยกระจายความเสี่ยงในการเลือกลงทุนของเราได้นั่นเอง นี่จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม
- ลงทุนทองผ่านการซื้อหุ้นธุรกิจเหมืองทองคำ โดยการลงทุนรูปแบบนี้ก็มีความเสี่ยงกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น เพราะนอกจากราคาทองแล้ว เราจำเป็นจะต้องดูราคาของหุ้นธุรกิจเหมืองทองด้วย เพราะฉะนั้นแล้วหากนักลงทุนท่านใดที่สนใจในการลงทุนทองผ่านการซื้อหุ้นธุรกิจเหมืองทองคำ ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน ถึงแม้ว่าการลงทุนผ่านหุ้นอาจจะได้รับกำไรที่ดีกว่าแต่ก็อย่าลืมว่าก็มาพร้อมความเสี่ยงเช่นกัน
และนี่ก็เป็น 3 วิธีที่นิยมกันในประเทศไทย เหล่านักลงทุนเองสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสมของตัวเอง ต่อมาเรามาดูกันที่ข้อดี ข้อด้อยของการลงทุนทอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยประกอบการตัดสินใจ
โดยเราจะแบ่ง ข้อดี ข้อด้อย ของการลงทุนทองออกเป็นตารางด้านล่างนี้
ทั้งหมดที่เรานำเสนอมานี้ก็เป็นข้อดี ข้อด้อยของการลงทุนทองนั่นเอง และเมื่อเรานำปัจจัยหลาย ๆ ส่วนมาวิเคราะห์เราก็จะสามารถเลือกวิธีการลงทุนทองที่ใช่ในแบบที่เราต้องการได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทองคำจะได้รับสมญานามว่า “Safe haven” หรือสวรรค์แห่งความปลอดภัย แต่เราเองก็ไม่ควรลืมว่าทองคำก็เป็นหนึ่งในการลงทุนที่มาพร้อมความเสี่ยงเช่นกัน…