สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช บ้านแลกเงิน พร้อมสู้ทุกสถานการณ์

ดอกเบี้ยต่ำสุด 3 ปีแรก
5.75% ต่อปี*
ประเมินหลักประกัน
ฟรี**
ค่าจดจำนอง
ฟรี***
ส่วนลดอัตราดอกเบี้ย
0.25%****
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว l อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 6.472% - 10.175% ต่อปี*​**** ​

*สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ลบ.ขึ้นไป
**ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท (วันที่ 1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68)
***ฟรีค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้อนุมัติ หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เฉพาะลูกค้าที่ซื้อ MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด และเลือกดอกเบี้ยทางเลือกฟรีค่าจดจำนองเท่านั้น
****เฉพาะปีที่ 1 เมื่อซื้อประกัน MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือใช้บัญชีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา
*****สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 = 7.275% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดดอกเบี้ยและการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ใน Fact sheet คลิก

ทุกปัญหาการเงิน มีทางออกเสมอ

ทุกปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้น คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้าในตอนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา มีทางออกคอยรองรับและช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่มนุษย์เงินเดือน หากเกิดปัญหาติดขัดเรื่องการเงิน ย่อมมีทางออกรออยู่ข้างหน้าเสมอ

ธนาคารกรุงศรีอยุธยาตระหนักดีว่าในทุกสถานการณ์ การเงินคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยต่อยอดให้ทั้งชีวิตส่วนตัวและธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีอุปสรรค เพื่อให้ทุกสถานการณ์ทางการเงินของคุณผ่อนคลายขึ้น เราจึงมีสินเชื่อที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถนำบ้านมาแลกเงินก้อนใหญ่ได้ กับ “กรุงศรีโฮมฟอร์แคช สินเชื่อบ้านแลกเงิน” ผลิตภัณฑ์การเงินที่จะช่วยให้คุณผ่านพ้นทุกสถานการณ์ได้อย่างราบรื่นด้วยบ้านของคุณเอง

บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคชคืออะไร และหากใครที่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม ห้องชุดพักอาศัย หรืออาคารพาณิชย์ แล้วกำลังเจอปัญหาการเงินขาดสภาพคล่อง นี่คือโอกาสที่จะทำให้คุณผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างราบรื่น
 

กรุงศรีโฮมฟอร์แคช สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร ?

สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช คือ สินเชื่อที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถนำกรรมสิทธิ์การถือครองที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆ มายื่นขอสินเชื่อ และมอบเอกสารกรรมสิทธิ์ให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นเวลาชั่วคราว แลกเปลี่ยนกับการได้รับเงินก้อนใหญ่ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถนำเงินไปใช้เยียวยาธุรกิจต่าง ๆ ในเวลาที่เกิดปัญหาสถานการณ์ทางการเงิน พร้อมเงื่อนไขสุดพิเศษ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเฉลี่ย 5.75% ต่อปี นาน 3 ปี ให้วงเงินสินเชื่อสูงกว่า 85% ของราคาประเมิน ให้คุณสามารถนำเงินไปหมุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องได้แบบไร้กังวล ผ่อนเบา ๆ ไม่เป็นภาระทางการเงิน แถมฟรี ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกันบ้านแลกเงิน มูลค่า 3,210 บาท พิเศษกว่าสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษอีก 0.25% เพิ่มในปีแรกอีกด้วย
 

ขั้นตอนการขอกรุงศรีโฮมฟอร์แคช สินเชื่อบ้านแลกเงิน

  1. เตรียมประวัติทางการเงินให้พร้อม
    ก่อนขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน อันดับแรกคือการเตรียมตัวจัดการประวัติทางการเงินให้ดี ไม่มีประวัติเสีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ โดยในระหว่างขั้นตอนนี้ผู้กู้สามารถทำการศึกษารายละเอียดของสินเชื่อควบคู่ไปได้

  2. ยื่นเอกสารขอสินเชื่อ
    หลังจากเตรียมประวัติทางการเงินเรียบร้อยแล้ว ลำดับถัดมาให้เตรียมเอกสารสำหรับยื่นให้ธนาคารพิจารณา โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่
    • เอกสารข้อมูลบุคคล เพื่อใช้ยืนยันตัวตนของผู้กู้ ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี)
    • เอกสารแสดงรายได้ ได้แก่ หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน หรือรายการเดินบัญชีย้อนหลัง
    • เอกสารด้านหลักประกันฯ สำหรับใช้ยืนยันหลักทรัพย์ในการขอสินเชื่อ ได้แก่ สำเนาโฉนดที่ดิน และแผนที่ตั้งหลักประกันที่ต้องการกู้สินเชื่อบ้านแลกเงิน

  3. ดำเนินการพิจารณาและอนุมัติวงเงินสินเชื่อ
    หลังจากยื่นเอกสารขอสินเชื่อเสร็จสิ้นแล้ว ทางธนาคารจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอน โดยเริ่มตั้งแต่การส่งเจ้าหน้าที่ประเมินหลักประกันไปประเมินสภาพบ้าน ประกอบการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ตามมูลค่าทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน หลังจากนั้นจะใช้เวลาต่ออีกประมาณ 1-2 สัปดาห์สำหรับการพิจารณาและแจ้งผลการอนุมัติ หากผู้กู้พึงพอใจกับวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ก็สามารถเข้ามาทำการเซ็นสัญญา และดำเนินการจดจำนองที่ดิน ณ สำนักงานที่ดินใกล้บ้านได้ทันที

เปลี่ยนบ้าน ทาวน์เฮาส์ และคอนโดของคุณ ให้เป็นเงินก้อนใหญ่ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย ช่วยแก้ปัญหาการเงินในทุกสถานการณ์ พร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษได้แล้ววันนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
 

กรุงศรีโฮมฟอร์แคช สินเชื่อบ้านแลกเงิน ดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 5.75% ต่อปี* 3 ปีแรก

ฟรีค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท (1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68)

*ตามประกาศธนาคาร ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 อัตราดอกเบี้ย MRR = 7.275% ต่อปี

สำหรับหลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม ห้องชุดพักอาศัย และอาคารพาณิชย์ จะได้รับวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 85% ของราคาประเมิน ช่วยคุณจบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างปลอดภัย หากไม่รู้ว่าควรขอสินเชื่อกับธนาคารไหนดี กรุงศรีโฮมฟอร์แคชมาพร้อมเงื่อนไขสุดพิเศษรอคุณอยู่
  • ผ่อนสบายนานสูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
  • มีเงินเยอะก็โปะคืนได้
  • วงเงินกู้สูงสุด 85% ของราคาประเมิน
 
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้บัญชีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา และต้องการใช้บริการสินเชื่อบ้านแลกเงิน รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.25% จากอัตราดอกเบี้ยปกติในปีแรก กรอกข้อมูลเพื่อขอสินเชื่อได้ทางเว็บไซต์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

สมัครสินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช

กรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

This site is protected by reCAPTCHA and the Google
Privacy Policy and Terms of Service apply.

รายละเอียด

  • สำหรับท่านที่มีบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระ
  • อัตราดอกเบี้ยต่ำ
  • อนุมัติเร็ว
  • สบาย ๆ กับการผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี)
  • มีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกสบายหลากหลายช่องทาง
ประเภท จำนวนเงินที่เรียกเก็บ ช่องทางการชำระเงิน
ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกัน
(วงเงินกู้รวมต่อหลักประกันไม่เกิน 100 ล้านบาท)
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
ฟรี ! 3,210 บาท ต่อหลักประกัน
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หากเกินกว่านี้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบ
ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
(ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา)
เบี้ยประกันอัคคีภัย
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
ตามอัตราของบริษัทประกัน ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
เพื่อสาขาทำการโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทประกันภัย
ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
ค่าอากรแสตมป์
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
คิด 0.05% ของวงเงินกู้
(ไม่เกิน 10,000 บาท)
ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
(ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา)
ค่าจดจำนอง
(เรียกเก็บ ณ วันจดจำนองที่กรมที่ดิน)
คิด 1% ของทุนจำนอง  

ช่องทางการสมัคร

สาขาทั่วประเทศ (ในวันทำการ)

ค้นหาสาขา

ติดต่อทีมสินเชื่อบ้านกรุงศรี

โทรศัพท์ : 1572

เอกสารประกอบการสมัคร

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนสมรส/ หย่า/ ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาใบมรณบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
  • สำเนาใบประกอบวิชาชีพที่ถือไม่น้อยกว่า
    2 ปี และยังไม่หมดอายุ สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ(ถ้ามี)
กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
  • หนังสือรับรองการทำงาน หรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) (สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
  • หนังสือรับรองโบนัสประจำ (ถ้ามี)
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
  • แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (50 ทวิ และ ภงด.90/91) พร้อมใบเสร็จการชำระภาษีย้อนหลัง 2 ปี
กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน / ใบทะเบียนการค้า ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
  • สำเนา ภ.พ.30 พร้อมใบเสร็จ (ถ้ามี)
  • สำเนา ภ.พ.20 (ถ้ามี)
  • สำเนาบริคณห์สนธิ ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า)
  • ใบอนุญาตปลูกสร้าง / หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหนังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14 )
  • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (กรณีถ้ามีสัญญาเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอื่นและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ)
  • แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
  • สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม
  • สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด

ดาวน์โหลดเอกสาร

 
อัตราดอกเบี้ยกรุงศรีโฮมฟอร์แคช ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68 ทดสอบ
PDF
 
อัตราดอกเบี้ยกรุงศรีโฮมฟอร์แคช อาคารพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68
PDF

คำถามที่พบบ่อย

สามารถยื่นกู้ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ
เอกสารประกอบการสมัครที่ใช้ในการสมัคร มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่
  • เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน)
  • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน)
  • เอกสารทางด้านหลักประกัน (เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย) สามารถตรวจสอบได้ตามประเภทของการขอสินเชื่อนั้น ๆ
สามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 3 คน (รวมผู้กู้หลักเป็น 4 คน) ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้หลัก เช่น เป็นสามี ภรรยา พี่น้องท้องเดียวกัน หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร เป็นต้น
ได้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องชำระมีดังนี้
  • ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) รายละ 3,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • ค่าอากรแสตมป์ (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) คิด 0.05 % ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย ตามอัตราของบริษัทประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
การขอสินเชื่ออเนกประสงค์แบบผ่อนชำระรายเดือน โดยใช้หลักประกันเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระ
วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาทขึ้นไป
  • หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และห้องชุดพักอาศัย: สูงสุด 85% ของราคาประเมิน
  • อาคารพาณิชย์: วงเงินสูงสุดไม่เกิน 85% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาการกู้ : สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าสามารถชำระค่างวดผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ได้แก่ ชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชำระโดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ผ่านบัญชีเงินฝากของ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชำระผ่าน krungsri app ชำระผ่านทางอินเทอร์เน็ต Krungsri Online และชำระผ่าน ตู้ ATM นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเพิ่มช่องทางการชำระอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ และชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส

โปรดศึกษาวิธีการสมัคร krungsri app และการชำระเงิน คลิก
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Krungsri Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถยื่นกู้ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ
เอกสารประกอบการสมัครที่ใช้ในการสมัคร มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่
  • เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน)
  • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน)
  • เอกสารทางด้านหลักประกัน (เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย) สามารถตรวจสอบได้ตามประเภทของการขอสินเชื่อนั้น ๆ
สามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 3 คน (รวมผู้กู้หลักเป็น 4 คน) ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้หลัก เช่น เป็นสามี ภรรยา พี่น้องท้องเดียวกัน หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร เป็นต้น
ได้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องชำระมีดังนี้
  • ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) รายละ 3,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • ค่าอากรแสตมป์ (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) คิด 0.05 % ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย ตามอัตราของบริษัทประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
การขอสินเชื่ออเนกประสงค์แบบผ่อนชำระรายเดือน โดยใช้หลักประกันเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระ
วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาทขึ้นไป
  • หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และห้องชุดพักอาศัย: สูงสุด 85% ของราคาประเมิน
  • อาคารพาณิชย์: วงเงินสูงสุดไม่เกิน 85% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาการกู้ : สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าสามารถชำระค่างวดผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ได้แก่ ชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชำระโดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ผ่านบัญชีเงินฝากของ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชำระผ่าน krungsri app ชำระผ่านทางอินเทอร์เน็ต Krungsri Online และชำระผ่าน ตู้ ATM นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเพิ่มช่องทางการชำระอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ และชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส

โปรดศึกษาวิธีการสมัคร krungsri app และการชำระเงิน คลิก
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Krungsri Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง

บทความที่เกี่ยวข้อง

รอบรู้เรื่องลงทุน

พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นเงิน

<div class="text-content"><!-- start Top text content --><div class="ar-text-content">ในยามที่เราประสบกับปัญหาทางการเงิน หลายคนรู้สึกว่ามันคือ &ldquo;วิกฤติ&rdquo; แต่ความจริงแล้วในวิกฤติเหล่านั้นมักจะมี &ldquo;โอกาส&rdquo; ซ่อนตัวอยู่เสมอ สำหรับคนที่ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรค ต้องรู้จัก &ldquo;พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส&rdquo; ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดี บางครั้งเราอาจจะขาดสภาพคล่องได้ เมื่อเราขาดสภาพคล่องหรือขาดเงินสด สำหรับผู้ประกอบการอิสระหรือแม้แต่มนุษย์เงินเดือน เวลามีปัญหาทางการเงิน &ldquo;บ้าน&rdquo; สามารถช่วยคุณได้</div><!--end text content --><!-- ข้อความห่างจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-40px-all">หากเราต้องพบเจอกับปัญหาทางการเงิน เราสามารถนำบ้านไปจำนองเพื่อให้ได้เงินสดกลับมาใช้เป็นสภาพคล่องในส่วนกิจการหรือส่วนบุคคลได้ด้วยการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นเงิน ทำไมเราจึงควรนำบ้านไปเปลี่ยนเป็นเงินสดมาเสริมสภาพคล่อง ลองมาพิจารณาไปพร้อม ๆ กันครับ</div><!-- ข้อความห่างจากด้านบน --><!-- start text sub title --><h2 class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-text-sub-title ar-title-orange">ประการแรก... ต้นทุนดอกเบี้ยของการนำบ้านไปจดจำนองไม่สูงมากเท่ากับสินเชื่อส่วนบุคคล </span></h2><!-- start text sub title --><hr class="hry1" /><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-ar-text1">หากเรานำบ้านไปจดจำนองและขอสินเชื่อ จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการขอa <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/personal-loans/ifin-personal-credit" target="_blank">สินเชื่อส่วนบุคคล</a>เนื่องจากเรามี &ldquo;หลักทรัพย์ค้ำประกัน&rdquo; ก็คือ บ้านของเราเอง ในยามที่เราต้องการเงินเพื่อให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปได้ บ้านของเราจะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ และเมื่อเราผ่านวิกฤติไปได้แล้ว เราสามารถไถ่ถอนคืนมาได้นั่นเองครับ</div><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><!-- start text sub title --><h2 class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-text-sub-title ar-title-orange">ประการที่สอง... การนำบ้านไปจดจำนองนั้นเป็นการขอสินเชื่อในระบบที่แตกต่างจากการขอสินเชื่อนอกระบบ </span></h2><!-- start text sub title --><hr class="hry1" /><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ข้อดีของการขอสินเชื่อในระบบก็คือ ดอกเบี้ยจะไม่สูงมาก และการติดตามหนี้จะเป็นมาตรฐาน มีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมมาและมีกฎหมายรองรับ ต่างจากการใช้สินเชื่อนอกระบบที่ไม่มีกฎหมายใด ๆ รองรับ ดอกเบี้ยก็ค่อนข้างสูง แถมการติดตามหนี้ก็ไม่น่าไว้ใจเป็นอย่างมากครับ หากเราเกิดวิกฤติทางการเงินต้องการเงินสดไปเสริมสภาพคล่อง การนำบ้านไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นการขอสินเชื่อในระบบที่มีความปลอดภัยกว่าสินเชื่อนอกระบบเป็นอย่างมากครับ</div><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><!-- start text sub title --><h2 class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><span class="ar-text-sub-title ar-title-orange">ประการที่สาม... การเปลี่ยนบ้านให้เป็นเงินสดนั้น โอกาสที่จะได้รับอนุมัติมีสูงมาก </span></h2><!-- start text sub title --><hr class="hry1" /><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-ar-text1">เนื่องจากเรามีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นบ้านและที่ดิน ทำให้โอกาสที่เราจะได้รับการอนุมัติมีสูงมาก หลายคนอาจบอกว่าการขอสินเชื่อนอกระบบก็อนุมัติง่ายเช่นกัน แต่สินเชื่อนอกระบบนั้นมีดอกเบี้ยจ่ายที่แพงมาก หากเราหลงเข้าไปในวังวนแล้วจะกลับออกมาได้ยาก ผิดกับการขอสินเชื่อในระบบด้วยการนำบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งไม่ยากอย่างที่คิด มีกฎหมายรองรับ และปลอดภัยกว่ามากครับ<br />&nbsp;</div><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><h2 style="float: left; padding: 8px; background: rgb(255, 221, 0); margin: 0px 20px 5px 0px; font-size: 14pt;"><strong>อยากที่จะเปลี่ยนบ้านให้เป็นเงินต้องทำอย่างไร?</strong></h2><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-ar-text1"><br /><br />ผมขอแนะนำ &ldquo;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/home-for-cash" target="_blank">สินเชื่อโฮมฟอร์แคช</a>&rdquo; ของธนาคารกรุงศรีเลยครับ เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์แบบผ่อนชำระรายเดือน โดยใช้หลักประกันเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระและวงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ลองเข้าชมรายละเอียดสินเชื่อได้ที่เว็บไซต์เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ</div><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><!-- ข้อความห่างจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-40px-all">จะเห็นว่าในยามที่เราต้องการใช้เงิน &ldquo;บ้านที่อยู่อาศัย&rdquo; หรือแม้แต่อาคารพาณิชย์ที่เราใช้ทำกิจการ สามารถผันมาเป็น &ldquo;เงินสด&rdquo; เพื่อใช้เป็น &ldquo;ตัวช่วย&rdquo; ให้เราผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากไปได้นะครับ เมื่อเราผ่านมันมาได้แล้ว &ldquo;โอกาส&rdquo; ก็จะเปิดตัวออกมาใหม่อีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอนที่สุดครับ</div><!-- ข้อความห่างจากด้านบน --></div>
ks-guru
3 Min Read
share
SME

5 ข้อควรรู้ เริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์อย่างมือโปร

<div class="text-content"><!-- start Top text content --><div class="ar-text-content">หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความเสี่ยง หรือเป็นผู้ประกอบการที่มองหาหนทางสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจที่มาพร้อมกับแบรนด์และโมเดลธุรกิจที่เป็นที่ยอมรับ การลงทุนใน<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/franchise-vending-machine" target="_blank">ธุรกิจแฟรนไชส์</a>เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมก็เป็นอะไรที่น่าลงทุนไม่น้อย<br /><br />ในการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ จำเป็นต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ความจริงการทำธุรกิจเฟรนไชส์คืออะไร เพื่อให้แน่ใจว่ากำลังใช้เวลาและทรัพยากรในการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า คุณจำเป็นจะต้องเข้าใจเรื่องของธุรกิจเฟรนไชส์เหล่านี้เสียก่อน</div><div class="mt-ar-text1 mb-24px-all"><center><img alt="แฟรนไชส์คืออะไร มีรูปแบบยังไงบ้าง?" class="img-fluid mb-5px-all" src="/getmedia/8d87f0c1-742d-44c2-ba81-a7f7d90e21df/5-things-before-invest-franchise-business-detail-01.jpg.aspx" /></center></div><div class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs pl-10px-all"><h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ธุรกิจแฟรนไชส์คืออะไร มีรูปแบบยังไงบ้าง? </span></h2></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ที่จริงแล้วธุรกิจแฟรนไชส์ที่เราคุ้นหูคุ้นตากันนั้น คือธุรกิจที่เจ้าของได้ให้สิทธิผู้อื่นในการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือบริการได้ โดยที่ &ldquo;แฟรนไชส์ซอร์&rdquo; (ผู้ให้สิทธิในการประกอบธุรกิจ) ทำข้อตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งที่เรียกว่า &ldquo;แฟรนไชส์ซี&rdquo; (ผู้รับสิทธิในการประกอบธุรกิจ) โดยใช้ รูปแบบ ขั้นตอน รวมไปถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของตนหรือที่แฟรนไชส์ซอร์ มีสิทธิที่จะให้ผู้อื่นใช้เพื่อประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ของตนเองภายในระยะเวลา หรือภายในเขตพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์นั้น จะอยู่ภายใต้การส่งเสริม และควบคุมตามแผนการดำเนินธุรกิจของแฟรนไชส์ซอร์ โดยที่แฟรนไชส์ซีมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่แฟรนไชส์ซอร์นั่นเอง</div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchisor) </span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ หรือแฟรนไชส์ซอร์ คือผู้ให้สิทธิในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับผู้ที่จะมาขอซื้อแฟรนไชส์</div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">ผู้ลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchisee) </span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ผู้ลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ หรือแฟรนไชส์ซี คือผู้รับสิทธิในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งจะเป็นผู้ที่ไปขอซื้อแฟรนไชส์จากเจ้าของแฟรนไซส์</div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ดังนั้นแล้วธุรกิจแฟรนไชส์ จะเหมือนการโคลนนิ่งธุรกิจหรือร้านค้า เพื่อที่จะขยายตลาดให้เติบโต แต่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่แฟรนไชส์ซอร์กำหนดเอาไว้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่เราอยากได้สูตรลับของร้านนั้น ๆ แน่นอนว่ามันไม่ฟรี เพราะมันจะมีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจไปตลอดจนถึงสัญญาซื้อที่ต้องจ่ายแบบต่อเนื่อง ในการซื้อธุรกิจแฟรนไชส์มาเป็นของตัวเอง</div><div class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs pl-10px-all"><h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">เรามาดูตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์ที่นิยมในบ้านเรากัน </span></h2></div><div class="mt-ar-text1 mb-24px-all"><center><img alt="ตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์ที่นิยิมในไทย" class="img-fluid mb-5px-all" src="/getmedia/9294d419-9793-4c42-bee2-b12fe928bac0/5-things-before-invest-franchise-business-detail-02.jpg.aspx" /></center></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">เมื่อพูดถึงร้านสะดวกซื้อชื่อดังร้านนึงที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงที่หลายคนคุ้นหูคุ้นตาและพบเห็นกันตามซอยต่าง ๆ หรือปั๊มน้ำมัน อาจจะเคยเดินเข้าไปใช้บริการกันบ้างแล้ว แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย<br /><br />โดยที่สินค้าและบริการของร้านสะดวกซื้อนั้น ได้รับความนิยมมีความตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้าง และมีแนวโน้มเติบโตได้เร็ว จึงทำให้มีผู้ที่สนใจในธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากมีทีมงานและบริษัทคอยช่วยเหลือและสนับสนุน โดยที่การเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังต่อไปนี้<ol class="pl-20px-all"> <li>ร้านสาขาบริษัทดำเนินการเอง</li> <li>ร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต (Sub Area)</li> <li>ร้านสาขาประเภทร่วมลงทุน (Store Business Partner) ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย</li></ol><br />ทำไม &ldquo;Store Business Partner&rdquo; ถึงเป็นที่นิยมในประเทศไทยนั้น เป็นเพราะว่าผู้ที่ลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในด้านธุรกิจมาก เพียงแต่ต้องหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา โดยทางร้านสะดวกซื้อชื่อดังจะมีทีมงานที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือในทุกด้าน เช่น ถ้าหากไม่มีทำเลดี ๆ เปิดร้าน ทางทีมงานก็คัดสรรทำเลมาให้ เป็นต้น<br /><br />เมื่อเราพอจะเข้าใจว่าธุรกิจแฟรนไชส์คืออะไร&hellip; ต่อไปจะเป็นข้อควรรู้ที่ควรพิจารณาก่อนที่จะกระโดด<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/bonchon-chicken-korean-style-by-thai-entrepreneur" target="_blank">เข้าสู่การลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์</a></div><div class="ar-box-title mt-40px-xl mt-24px-xs pl-10px-all"><h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">5 ข้อควรรู้ ถ้าจะเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ต้องรู้อะไรบ้าง? </span></h2></div><div class="mt-ar-text1 mb-24px-all"><center><img alt="เริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ต้องรู้อะไรบ้าง?" class="img-fluid mb-5px-all" src="/getmedia/2a571235-fc7a-44e6-8785-76ed08a43522/5-things-before-invest-franchise-business-detail-03.jpg.aspx" /></center></div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">1. เริ่มที่ &ldquo;เช็กความต้องการ&rdquo; ของตลาดก่อน</span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญเลยล่ะที่ควรพิจารณา ก่อนคิดจะลงมือทำขั้นตอนต่อไป เราจะต้องลองศึกษาให้มั่นใจก่อนว่าเทรนด์ธุรกิจแฟรนไชส์ในท้องตลาดภาพรวมยังมีความต้องการใช้บริการหรือซื้อผลิตภัณฑ์ของแฟรนไชส์ที่เราสนใจจะลงทุนอยู่หรือเปล่า? เราจะต้องเลือกให้แน่ใจว่าธุรกิจมีความ &ldquo;ยั่งยืนและสามารถขายได้จริง&rdquo; เพื่อการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์ที่เราสนใจเลือกลงทุนในระยะยาว<br /><br />วิธีเช็กความต้องการของตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ มีดังนี้<ul class="pl-20px-all"> <li>เลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ</li> <li>ตรวจสอบยอดขายและการเติบโตของสาขาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา</li> <li>ประเมินความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของเจ้าของแฟรนไชส์</li> <li>เข้าใจ Target Market ที่เหมาะสมกับธุรกิจ</li> <li>วิเคราะห์ศักยภาพของ Location ที่แฟรนไชส์กำหนดไว้</li></ul></div><div class="mt-ar-text1 mb-24px-all"><center><img alt="เช็กความต้องการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์" class="img-fluid mb-5px-all" src="/getmedia/7552e87d-fb6b-46d3-89a9-a690bb27154d/5-things-before-invest-franchise-business-detail-04.jpg.aspx" /></center></div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">2. เช็กงบดูเงินในกระเป๋าต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่? </span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">เงินทุนคือสิ่งสำคัญในการซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ คือเงินทุนในการดำเนินงานของคุณ เงินทุนเริ่มต้นส่วนใหญ่ จะตกเป็นของแฟรนไชส์ซอร์ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมสำหรับการฝึกอบรม อุปกรณ์ และสิทธิ์ในการออกใบอนุญาต ดูว่าบริษัทแฟรนไชส์จะให้บริการอะไรเพื่อแลกกับค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ และประเมินเวลาที่ต้องใช้เพื่อรับค่าใช้จ่ายล่วงหน้ากลับคืนมา เพื่อพิจารณาว่าธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่<br /><br />ถึงแม้ว่าคุณจะมีโมเดลธุรกิจและแนวทางปฏิบัติอยู่แล้วจากเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับเส้นทางการเริ่มต้นเพราะในธุรกิจแฟรนไชส์อาจเกี่ยวข้องกับความจำเป็นในการเอาตัวรอดจากจุดคุ้มทุน และช่วงขาดทุนสุทธิก่อนที่ธุรกิจแฟรนไชส์ของคุณจะโฟลว์<br /><br />ตรงจุดนี้ ต้องบอกเลยว่าคุณจะต้องมีรูปแบบทางการเงินที่ดีระดับหนึ่งเลยหล่ะ เพื่อหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจแฟรนไชส์ของคุณ เดินต่อได้แบบไม่สะดุด ขอแนะนำให้คุณเข้าถึงเงินทุนที่ครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายทางธุรกิจและค่าครองชีพส่วนบุคคลเป็นเวลาประมาณหกเดือน จริงอยู่ว่าแฟรนไชส์ได้ให้แผนความสำเร็จแก่คุณแล้ว แต่คุณจะทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์ของคุณสำเร็จหรือไม่ นั้นมันขึ้นอยู่กับคุณแล้วที่จะทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์แรกของคุณนั้นไปรอด คำแนะนำคือให้คุณมีเงิน <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/franchise-business" target="_blank">Pocket Money</a> หรือ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/easy-loan-by-digital-lending" target="_blank">เงินกู้สำรอง</a>เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน</div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">3. เช็กตัวเองว่า &ldquo;คุณเป็นคนแบบไหน&rdquo; </span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1"><a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/own-business-or-buy-franchise" target="_blank">การเป็นเจ้าของแฟรนไชส์</a>ไม่เหมาะสำหรับทุกคน หากคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าหาญ ไม่ทำตามกฎหรือทำอาหารโดยไม่มีสูตร... การลงทุนในแฟรนไชส์นี่อาจจะไม่ใช่ทางสำหรับคุณ เราต้องขอโทษที่ต้องบอกคุณตรง ๆ แบบนี้ แต่ในโลกของธุรกิจแฟรนไชส์นั้นมันมีกฎที่ต้องปฏิบัติตามอยู่เสมอ ซึ่งนั้นเป็นงานของคุณที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้ธุรกิจแฟรนไชส์ของคุณดำเนินต่อไปได้ ภายใต้การทำสิ่งนี้ ตามแนวทางของผู้อื่น คุณจะเป็นผู้ดำเนินการแทน หรืออาจกล่าวได้ว่าคุณเป็นผู้ดำเนินการ แต่ไม่ใช่ผู้สร้าง หากคุณเป็นนักฉีกไม่ทำตามกฎ อย่าเพิ่งซื้อธุรกิจแฟรนไชส์มาลงทุนเลย มันอาจจะกลายเป็นหายนะได้!</div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">4. ธุรกิจแฟรนไชส์คืนทุนตอนไหน? </span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">เราทุกคนล้วนคาดหวังผลกำไรจากการลงทุนอยู่แล้วแน่นอน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราสามารถคำนวณได้เมื่อลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีระบบที่ดี ซึ่งเราสามารถพูดคุยกับเจ้าของแฟรนไชส์และรับตัวเลขทางการเงิน หรือคำนวณจุดคุ้มทุน (Break-Even Point) จากเจ้าของแฟรนไชส์เพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่คาดหวังก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจแฟรนไชส์ โดยตัวเลขที่ได้มานั้นจะสามารถคำนวณระยะเวลาและรายได้ในการที่จะคืนทุนในอนาคต อย่างไรก็ตามการลงทุนในแฟรนไชส์ใหม่นั้นก็เปรียบเสมือนเป็นเกมที่ต้องคาดเดา เนื่องจากมีที่ตั้งเพียงไม่กี่แห่ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจถึงความลึกหรือขอบเขตที่แท้จริงของโอกาสทางการเงิน<br /><br />อย่างที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กล่าว &ndash; &ldquo;ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ&rdquo; การลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ก็เช่นเดียวกัน ควรเลือกธุรกิจที่มีศักยภาพและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า</div><div class="mt-ar-text1 mb-24px-all"><center><img alt="ข้อตกลงและสัญญาการทำธุรกิจแฟรนไชส์มีอะไรบ้าง" class="img-fluid mb-5px-all" src="/getmedia/e648018b-9e63-48a0-9686-b917b4c46069/5-things-before-invest-franchise-business-detail-05.jpg.aspx" /></center></div><div class="ar-sub-title mt-ar-text1"><h3><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00; line-height: 35px; font-size: 18px; font-weight: bold;">5. ตรวจสอบสัญญาและค่าธรรมเนียมของแฟรนไชส์ </span></h3></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">การซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ อาจมีเรื่องของความซับซ้อนทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องในข้อตกลงด้วย ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะก่อนที่จะตกลงทำสัญญา ในส่วนของค่าธรรมเนียมผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์จะต้องรับรู้และเข้าใจในข้อตกลงว่ามีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างที่ต้องจ่าย โดยค่าธรรมเนียมที่ผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์จะต้องจ่ายมีดังต่อไปนี้<ul class="pl-20px-all"> <li><strong>ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น</strong> เพื่อซื้อแฟรนไชส์ (ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเงินก้อน) ให้กับผู้ถือสิทธิ์ในการที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป</li> <li><strong>ค่าธรรมเนียมการจัดการ</strong> หรือเงินรายงวด เป็นสิ่งที่ต้องจ่ายอย่างต่อเนื่อง</li></ul><br />โดยการจ่ายเงินครั้งนี้ มักจะเป็นรอบรายเดือน, 2 เดือน, หรือไตรมาส เงินส่วนนี้ เหมือนเป็นการจ่ายเพื่อให้เจ้าของสิทธิ์นำไปพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น<br /><br />ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณคงมีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้นแล้วล่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่ต้องมี คือ ทัศนคติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจแฟรนไชส์มาก ที่จะรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไรและรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับอะไร<br /><br />แต่สิ่งที่อยากให้ได้จากบทความนี้จริง ๆ คือ อย่ารีบเร่ง!! ใช้เวลาในการวิเคราะห์ คิดตรึกตรอง หาข้อมูลศึกษาให้ลึกก่อนเริ่มต้นตัดสินใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์และหลังจากทำทั้งหมดนี้ จะตัดสินใจได้ถูกต้อง และจะประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ได้ในระยะยาว</div><div class="ar-text-content mt-ar-text1"><style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px;}</style><style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400;}</style></div></div>
ks-plearn
3 Min Read
share
Inspiration & Success Case

ส่อง! ธุรกิจไหนช่วงเศรษฐกิจขาลง ก็ยังขายดีไม่มีตก

<div class="text-content"><!-- start Top text content --><div class="ar-text-content"><h2 style="font-size:16px">แน่นอนว่าในปีนี้เศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความรุนแรง สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากปัญหาเงินเฟ้อ สงคราม การขึ้นดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ในทางกลับกันก็มีหลายธุรกิจที่เหมือนไม่ได้รับผลกระทบ พร้อมยังมียอดขาย รายได้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย</h2><br />แล้ว<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/start-business-in-crisis-economic" target="_blank">ธุรกิจ</a>ที่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังขายดีมีอะไรบ้าง? เราขอชวนทุกคนมาส่องธุรกิจเหล่านั้นผ่านบทความนี้กัน</div><!--end text content --><!-- รูปในบทความกรณี 1 รูป --><div class="mt-ar-text1"><center><img alt="ส่อง! ธุรกิจไหนช่วงเศรษฐกิจขาลง ก็ยังขายดีไม่มีตก" class="img-fluid" src="/getmedia/ae22a8b2-5cd6-4ad0-9182-f5cac857b471/business-recession-a-good-sale-01.jpeg.aspx" /></center></div><!-- ปิด รูปในบทความกรณี 1 รูป --><!-- start text sub title --><div class="ar-text-content mt-ar-text1">เรามาเริ่มกันที่ <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/online-selling-after-covid19" target="_blank">ธุรกิจ</a>แบรนด์หรู อย่าง นาฬิกาหรู กระเป๋าหรู เสื้อผ้าหรู และสินค้าอื่น ๆ แน่นอนว่านักสะสมสิ่งเหล่านี้แบรนด์หรูมักจะรู้ดีว่าสินค้าเหล่านี้มีราคาขึ้นทุกปี และถึงแม้ว่าจะมีราคาขึ้นทุกปีก็ยังคงขายดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญโดยเราจะแบ่งเหตุผลหลัก ๆ 2 เหตุผลที่ทำให้สินค้าแบรนด์หรูยังคงขายดีมากขึ้นเรื่อย ๆ</div><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><div class="ar-text-content mt-ar-text1"><ul style="margin-left:40px"> <li><strong>สินค้าผลิตน้อย</strong> ความต้องการสูง แน่นอนว่าสินค้าแบรนด์หรูเกือบทุกแบรนด์มักมีการผลิตที่น้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค และเมื่อประชากรทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ นักลงทุนหลาย ๆ คนที่กำลังครุ่นคิดว่าจะนำเงินไปลงทุนอะไรดี และพยายามมองหาทรัพย์สินที่สามารถสร้างกำไรให้เราได้ เพราะในช่วงเวลาเหล่านี้หากนำเงินไปลงทุนในส่วนอื่น ๆ เช่น หุ้น&nbsp;คริปโต ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงได้ ในทางกลับกันหากเรามองในมุมของนักลงทุนเองเราก็คงไม่พร้อมรับความเสี่ยงในช่วงที่กำลังประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้เช่นกัน คงจะดีกว่าหากเรามีทรัพย์สินที่ซื้อง่าย ขายคล่อง พร้อมเก็งกำไรได้ ความต้องการจากนักลงทุนแบรนด์หรูมือใหม่จึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง</li> <li><strong>ราคาขึ้นทุกปี</strong> ด้วยเหตุผลนี้คงทำให้เพิ่มความต้องการสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะหากเรากำลังลังเลอยู่เมื่อรู้ว่าสินค้าแบรนด์หรูที่เราเล็งไว้กำลังขึ้นราคา แน่นอนว่าจะทำให้การตัดสินใจของเราเองคงง่ายขึ้น หากเราไม่รีบซื้อต้องรู้สึกเฟลแน่ ๆ และเราเองก็คงไม่ได้อยากซื้อสินค้าที่ราคาสูงขึ้นไปจากที่เราเล็งไว้ในตอนแรก อย่างเช่น กระเป๋าแบรนด์หรู นาฬิกาหรู ที่ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งปี ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้สินค้าเหล่านี้ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็มาจากวัสดุที่แพงขึ้น พร้อมทั้งเรื่องของเงินเฟ้อที่เข้ามามีผลทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามสำหรับเหล่านักลงทุนที่ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรแล้ว ยิ่งต้องรีบซื้อแน่นอน เพราะถ้าหากช้ากว่านี้ก็อาจจะได้ราคาที่สูงกว่าเก่าพร้อมทั้งมีคนที่รอซื้อตัดหน้าเราไปด้วยก็ย่อมได้&hellip;</li></ul></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองจึงทำให้ธุรกิจแบรนด์หรูยังคงเป็นธุรกิจที่ขายดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ในวันที่เรากำลังประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม</div><div class="mt-ar-text1"><center><img alt="ส่อง! ธุรกิจไหนช่วงเศรษฐกิจขาลง ก็ยังขายดีไม่มีตก" class="img-fluid" src="/getmedia/64bff989-14a6-4606-a0b7-8ec69ccd28af/business-recession-a-good-sale-02.jpeg.aspx" /></center></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">มาต่อกันที่<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/top-4-pets-business" target="_blank">ธุรกิจสัตว์เลี้ยง</a> ถึงแม้ว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงจะเติบโตอยู่เรื่อย ๆ ทุกปี แต่หากเรามองย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อนต้องยอมรับว่าเพราะวิกฤตโรคระบาดที่ทำให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงโตขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่เราต้องอยู่บ้านนาน ๆ ใครหลายคนเองคงหนีไม่พ้น &ldquo;ความเหงา&rdquo; และมันจะดีกว่าไหมหากเรามีเพื่อนตัวน้อยสักตัวมาอยู่กับเรา มองกลับมาที่ช่วงปัจจุบัน เมื่อวิกฤตโรคระบาดดีขึ้นแล้ว แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลกระทบที่ตามมาตอนหลังนั้นหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจ แน่นอนว่าเหล่าเจ้าของเองสัตว์เลี้ยงเองก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งบางคนรักเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยทะนุถนอมเสมือนลูกจริง ๆ จนเกิดเทรนด์ &ldquo;Pet Parent&rdquo; เราอดได้ แต่ลูกเราห้ามอด เพราะเหตุนี้ธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงเวลานี้ก็เป็นธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ เราจะยกตัวอย่าง 2 สินค้าสัตว์เลี้ยงที่ทำให้เกิดธุรกิจที่กำลังมาแรง ได้แก่</div><div class="ar-text-content mt-ar-text1"><ul style="margin-left:40px"> <li><strong>เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง</strong> หากสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงท่านใดแล้วละก็การแต่งตัวให้น้อง ๆ คงเป็นความสุขอย่างหนึ่งเลยเชียว เพราะเหตุนี้เองแบรนด์เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงจึงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นบางแบรนด์หรูก็มองเห็นโอกาสทางธุรกิจสัตว์เลี้ยงเช่นกัน และได้มีการออกสินค้าเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงมาจำหน่าย และแน่นอนว่าเหล่าแม่ ๆ พ่อ ๆ คงหนีไม่พ้นกับคำว่าของมันต้องมีนั่นเอง</li> <li><strong>อาหารสัตว์เลี้ยง</strong> มาแรงแน่นอนกับอาหารสัตว์เลี้ยงเพราะเหล่าแม่ ๆ อยากให้น้องได้รับประทานอาหารดี ๆ ที่จะทำให้น้องอยู่กับเรานาน ๆ รวมไปถึงมองในเรื่องของการบำรุงขนให้น่ากอด พร้อมบำรุงสุขภาพต่าง ๆ โดยอาหารสัตว์เลี้ยงนี้แบ่งได้หลายเกรดมาก ๆ และบางเกรดนั้นเทียบเท่ากับอาหารคนได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าอาหารสัตว์เลี้ยงก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่กำลังมาแรง</li></ul></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">หลังจากนี้ไม่ว่าจะผลกระทบจากเศรษฐกิจทางใดก็คงไม่กระทบธุรกิจสัตว์เลี้ยงมากเท่าไหร่นักหากเราแม่ ๆ ยังคงถือคติ &ldquo;เราอดได้ แต่ลูกเราห้ามอด&rdquo;</div><div class="mt-ar-text1"><center><img alt="ส่อง! ธุรกิจไหนช่วงเศรษฐกิจขาลง ก็ยังขายดีไม่มีตก" class="img-fluid" src="/getmedia/c8d6b68d-e33d-4d87-9a75-3a5a302689f5/business-recession-a-good-sale-03.jpeg.aspx" /></center></div><!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><!-- รูปในบทความกรณี 1 รูป --><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ในช่วงเวลานี้เรื่องของข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง รวมไปถึงน้ำมันแพง และอีกหนึ่งในธุรกิจที่กำลังมาแรง คงหนีไม่พ้นกลุ่มของ &ldquo;ธุรกิจพลังงานทางเลือก&rdquo; เช่น โซล่าเซลล์&nbsp;รถยนต์ไฟฟ้า EV&nbsp;กังหันลม เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ธุรกิจพลังงานทางเลือกเติบโตช่วงนี้คงหนีไม่พ้นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลให้น้ำมันแพง ค่าไฟแพง เพราะถ้ามองในทางกลับกันการที่เราตัดสินใจลงทุนกับสิ่งที่เป็นทางเลือกที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายประจำในส่วนนั้นได้คงจะคุ้มค่ากว่าการที่ต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ เรามาลองเจาะกันที่ธุรกิจพลังงานทางเลือกอย่าง &ldquo;โซล่าเซลล์&rdquo; กัน</div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">หากเราย้อนไปในอดีตการที่เราจะติดตั้งโซล่าเซลล์สักชิ้นนั้นคงต้องใช้เงินค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่ในปัจจุบันความต้องการสูง ธุรกิจจำหน่ายโซล่าเซลล์มากขึ้นทำให้เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากเท่าเมื่อก่อนเลย อีกทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ แน่นอนว่าประเทศไทยเผชิญอากาศร้อนเพิ่มขึ้นทุกปี และโซล่าเซลล์ก็ต้องการพลังงานจากแสงอาทิตย์อยู่แล้ว และยิ่งในช่วงหน้าร้อนค่าไฟของแต่ละบ้านมักพุ่งสูงขึ้นระดับเท่าตัว มารวม ๆ หลาย ๆ เหตุผลไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ ค่าไฟแพง อากาศร้อน ส่วนนี้เองอาจทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ไม่รู้จะนำเงินไปลงทุนกับอะไรดีก็หันมาติดแผงโซล่าเซลล์กันมากขึ้น ด้วยแนวคิดที่ว่าลงทุนหนักในวันนี้เพื่อค่าใช้จ่ายที่เบากระเป๋าของเราในวันข้างหน้า จึงไม่แปลกเลยที่ธุรกิจพลังงานทางเลือกจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ</div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">อ่านมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับเช่นกันว่าที่<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/build-business-from-hobby" target="_blank">ธุรกิจ</a>เหล่านี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบแถมยังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมของคนเรานั่นเอง เช่น ธุรกิจแบรนด์หรูที่ผู้คนต้องการหาแหล่งลงทุนใหม่ ๆ ธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่เหล่าแม่ ๆ สายเปย์อยากดูแลลูกให้ดี ๆ หรือแม้แต่ธุรกิจพลังงานที่ตัดสินใจลงทุนเพียงครั้งเดียวเพื่อตัดค่าใช้จ่ายบานปลาย เมื่อพฤติกรรมมาประกอบเข้ากับความคิด และอ้างอิงไปถึงเศรษฐกิจที่กำลังประสบคงไม่แปลกเลยที่ธุรกิจเหล่านี้จะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ในอนาคตนั่นเอง&hellip;</div></div>
ks-plearn
3 Min Read
share