สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยต่ำ กู้เพิ่มได้!

ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก
1.88%*
ประเมินหลักประกัน
ฟรี**
ค่าจดจำนอง
ฟรี***
ส่วนลดอัตราดอกเบี้ย
0.25%****
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว l อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 4.259% - 5.800% ต่อปี*​****

*สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ลบ.ขึ้นไป
**ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท (วันที่ 1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68)
***ฟรีค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้อนุมัติ หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เฉพาะลูกค้าที่ซื้อ MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด และเลือกดอกเบี้ยทางเลือกฟรีค่าจดจำนองเท่านั้น
****เฉพาะปีที่ 1 เมื่อซื้อประกัน MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด
*****สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 = 7.275% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดดอกเบี้ยและการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ใน Fact sheet คลิก

ลดค่าดอกเบี้ยมาใช้ประโยชน์ เลือกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดี ?

ก่อนจะพาทุกคนไปทำความรู้จักรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์” เราอยากจะขออธิบายความหมายของคำว่า “สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์” หรือ “Refinance” บ้าน ให้ทุกท่านได้ทราบกันก่อน

การรีไฟแนนซ์บ้าน หมายถึงการยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งตัดสินใจย้ายไปผ่อนชำระค่าบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่ถูกลง โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อดอกเบี้ยที่ผ่านการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านลดลง อัตราการผ่อนชำระต่อเดือนย่อมน้อยลงตามไปด้วย หรือจะเลือกผ่อนชำระเท่าเดิมเพื่อให้หมดภาระเร็วขึ้นด้วยก็ได้ จึงทำให้คุณสามารถผ่อนชำระสินเชื่อบ้านได้ผ่อนคลายมากขึ้น สินเชื่อชนิดนี้สามารถใช้เพื่อรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือรีไฟแนนซ์คอนโด รวมทั้งยังมีสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกู้เพิ่มวงเงินได้ให้เลือกใช้บริการด้วย และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมขอวงเงินเพิ่มที่ไหนดี เรามีรายละเอียดของ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์” สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าทุกคนมาบอกกัน
 

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านกู้เพิ่มได้

  • ช่วยลดภาระค่าดอกเบี้ยได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านในปัจจุบัน มักจัดโปรโมชันลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าสินเชื่อบ้านเดิม อัตราการผ่อนชำระต่อเดือนจึงน้อยลง ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดี หรือหากเลือกผ่อนชำระเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้น ทำให้หมดภาระเร็วขึ้น
  • ได้เงินก้อนส่วนเพิ่มนำไปหมุนเวียน เราสามารถขอวงเงินส่วนเพิ่มจากมูลค่าหลักประกันที่เราผ่อนชำระไปแล้วพร้อมกับการรีไฟแนนซ์ได้ เช่น ยอดเงินกู้สินเชื่อบ้านที่ธนาคารเดิมคือ 3,000,000 บาท ผ่อนชำระไป 3 ปี เงินต้นคงเหลือ 2,500,000 บาท หากเรามีคุณสมบัติและผ่านเกณฑ์พิจารณาของธนาคาร ก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และบริหารการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เช่น การเคลียร์ภาระหนี้สิน ชำระปิดหนี้บัตรเครดิต รีโนเวทบ้าน หรือเก็บเป็นเงินก้อนสำรอง เผื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์บ้านและขอกู้เพิ่ม ก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง เช่น ค่าประเมินบ้าน ค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอน แต่หากดำเนินการทำเรื่องกับธนาคารกรุงศรี เรามีข้อเสนอดี ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดมากมาย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์ แบบไม่มีภาระในอนาคตแน่นอน

ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่า การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำก่อนผ่อนชำระครบ 3 ปีได้ไหม คำตอบคือ สามารถทำได้ แต่ผู้ที่ประสงค์ทำการรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ จะต้องสอบถามข้อมูลจากธนาคารเดิมก่อนว่า มีเงื่อนไขใดบ้างที่ระบุไว้ในสัญญา กรณีรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี เช่น ค่าธรรมเนียม 3% ของยอดหนี้คงเหลือ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบเรื่องอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน การขอลดดอกเบี้ย และการรีไฟแนนซ์บ้านแบบกู้เพิ่มวงเงินให้ดี ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้กู้เอง

เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความที่ได้นำเสนอไปจะช่วยให้ผู้สนใจอยากลดดอกเบี้ยด้วยการรีไฟแนนซ์บ้านได้มีทางเลือกเพิ่มเติม และหากกำลังตัดสินใจว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดี เราขอแนะนำสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ หากสนใจสามารถกรอกข้อมูลและรอเจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับได้เลย

คุณรู้หรือไม่ว่า... รีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย ประหยัดเงินได้เท่าไร?

 
ตัวอย่างการคำนวณ เมื่อรีไฟแนนซ์มาที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ยอดเงินกู้คงเหลือ (บาท) ระยะเวลาการกู้ (ปี) ผ่อนaเดือนละ (บาท) ประหยัดbค่าดอกเบี้ยจ่าย
ตลอดสัญญาได้ทั้งสิ้น (บาท)
3,000,000
10 34,200 356,498.91
15 26,200 483,116.10
20 22,500 620,053.09
25 20,400 769,261.60​
a. คำนวณจากการผ่อนสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 คิด 1.88% ต่อปี ปีที่ 2 คิด MRR-4.40% ต่อปี ปีที่ 3 คิด MRR-2.58% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MRR-1.50% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 = 7.275% ต่อปี)
b. คำนวณเปรียบเทียบการผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคารอื่น ด้วยยอดเงินกู้คงเหลือ 3,000,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90% ต่อปี และมีค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนเท่ากันกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา

สมัครสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์

กรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

This site is protected by reCAPTCHA and the Google
Privacy Policy and Terms of Service apply.

รายละเอียด

  • บุคคลธรรมดา ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 – 65 ปี
  • พนักงานประจำที่มีอายุงานรวมที่ทำงานเดิมและปัจจุบันตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป (งานปัจจุบันต้องผ่านการทดลองงานแล้ว)
  • ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวและประกอบธุรกิจมาตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
  • ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับผู้กู้และสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ได้
ประเภท จำนวนเงินที่เรียกเก็บ ช่องทางการชำระเงิน
ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกัน
(วงเงินกู้รวมต่อหลักประกันไม่เกิน 100 ล้านบาท)
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
ฟรี ! 3,210 บาท ต่อหลักประกัน
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หากเกินกว่านี้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบ
ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
(ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา)
เบี้ยประกันอัคคีภัย
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
ตามอัตราของบริษัทประกัน ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
เพื่อสาขาทำการโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทประกันภัย
ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
ค่าอากรแสตมป์
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
คิด 0.05% ของวงเงินกู้
(ไม่เกิน 10,000 บาท)
ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
(ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา)
ค่าจดจำนอง
(เรียกเก็บ ณ วันจดจำนองที่กรมที่ดิน)
คิด 1% ของทุนจำนอง  
ค่าเบี้ยปรับกรณีปิดภาระหนี้ก่อนกำหนด
(เมื่อลูกค้ารีไฟแนนซ์ไปสถาบันการเงินอื่นภายใน 3 ปีแรก นับจากวันทำสัญญา)
คิด 3% ของยอดหนี้คงเหลือ -

ช่องทางการสมัคร

สาขาทั่วประเทศ (ในวันทำการ)

ค้นหาสาขา

ติดต่อทีมสินเชื่อบ้านกรุงศรี

โทรศัพท์ : 1572

เอกสารประกอบการสมัคร

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนสมรส/ หย่า/ ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาใบมรณบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
  • สำเนาใบประกอบวิชาชีพที่ถือไม่น้อยกว่า
    2 ปี และยังไม่หมดอายุ สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ(ถ้ามี)
กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
  • หนังสือรับรองการทำงาน หรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) (สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
  • หนังสือรับรองโบนัสประจำ (ถ้ามี)
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
  • แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (50 ทวิ และ ภงด.90/91) พร้อมใบเสร็จการชำระภาษีย้อนหลัง 2 ปี
กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน / ใบทะเบียนการค้า ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
  • สำเนา ภ.พ.30 พร้อมใบเสร็จ (ถ้ามี)
  • สำเนา ภ.พ.20 (ถ้ามี)
  • สำเนาบริคณห์สนธิ ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า)
  • ใบอนุญาตปลูกสร้าง / หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหนังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14 )
  • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (กรณีถ้ามีสัญญาเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอื่นและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ)
  • แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
  • สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม
  • สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด

ดาวน์โหลดเอกสาร

 
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68
PDF
 
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ อาคารพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 68 - 30 เม.ย. 68
PDF

คำถามที่พบบ่อย

สามารถลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิกที่นี่
สามารถยื่นกู้ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Krungsri Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
เอกสารประกอบการสมัครที่ใช้ในการสมัคร มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่
  • เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน)
  • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน)
  • เอกสารทางด้านหลักประกัน (เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย) สามารถตรวจสอบได้ตามประเภทของการขอสินเชื่อนั้น ๆ
สามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 3 คน (รวมผู้กู้หลักเป็น 4 คน) ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้หลัก เช่น เป็นสามี ภรรยา พี่น้องท้องเดียวกัน หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร เป็นต้น
ได้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องชำระมีดังนี้
  • ค่าอากรแสตมป์ (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) คิด 0.05 % ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย ตามอัตราของบริษัทประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
การรับโอนหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่นมาอยู่กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วงเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาทขึ้นไป
  • หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และห้องชุดพักอาศัย: สูงสุด 95 % ของราคาประเมิน
  • หลักประกันประเภทอาคารพาณิชย์ : สูงสุด 95% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาการกู้ : สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าไถ่ถอนจำนองมาจากสถาบันการเงินอื่นมายื่นกู้กับธนาคารกรุงศรีฯ จะเสียค่าธรรมเนียมตามประกาศของธนาคาร
ลูกค้าสามารถชำระค่างวดผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ได้แก่ ชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชำระโดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ผ่านบัญชีเงินฝากของ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชำระผ่าน krungsri app ชำระผ่านทางอินเทอร์เน็ต Krungsri Online และชำระผ่าน ตู้ ATM นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเพิ่มช่องทางการชำระอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ และชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส

โปรดศึกษาวิธีการสมัคร krungsri app และการชำระเงิน คลิก
สามารถลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิกที่นี่
สามารถยื่นกู้ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Krungsri Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
เอกสารประกอบการสมัครที่ใช้ในการสมัคร มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่
  • เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน)
  • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน)
  • เอกสารทางด้านหลักประกัน (เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย) สามารถตรวจสอบได้ตามประเภทของการขอสินเชื่อนั้น ๆ
สามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 3 คน (รวมผู้กู้หลักเป็น 4 คน) ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้หลัก เช่น เป็นสามี ภรรยา พี่น้องท้องเดียวกัน หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร เป็นต้น
ได้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องชำระมีดังนี้
  • ค่าอากรแสตมป์ (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) คิด 0.05 % ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย ตามอัตราของบริษัทประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
การรับโอนหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่นมาอยู่กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วงเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาทขึ้นไป
  • หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และห้องชุดพักอาศัย: สูงสุด 95 % ของราคาประเมิน
  • หลักประกันประเภทอาคารพาณิชย์ : สูงสุด 95% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาการกู้ : สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าไถ่ถอนจำนองมาจากสถาบันการเงินอื่นมายื่นกู้กับธนาคารกรุงศรีฯ จะเสียค่าธรรมเนียมตามประกาศของธนาคาร
ลูกค้าสามารถชำระค่างวดผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ได้แก่ ชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชำระโดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ผ่านบัญชีเงินฝากของ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชำระผ่าน krungsri app ชำระผ่านทางอินเทอร์เน็ต Krungsri Online และชำระผ่าน ตู้ ATM นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเพิ่มช่องทางการชำระอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ และชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส

โปรดศึกษาวิธีการสมัคร krungsri app และการชำระเงิน คลิก

บทความที่เกี่ยวข้อง

รอบรู้เรื่องบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมยังไงให้คุ้ม คนกู้บ้านต้องรู้

หากคุณกำลังผ่อนบ้านและรู้สึกว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่สูงเกินไป หรืออยากได้เงื่อนไขการผ่อนที่ช่วยให้สบายกระเป๋ามากขึ้น การรีไฟแนนซ์บ้าน คือคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมหรือการเปลี่ยนธนาคารใหม่ ลองนึกภาพการผ่อนบ้านที่สบายกระเป๋าขึ้น พร้อมดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเคล็ดลับในการเลือกรีไฟแนนซ์บ้านให้ได้ผลดีที่สุด ให้คุณผ่อนบ้านได้อย่างเบาใจและคุ้มค่ากว่าที่เคย <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร</a></li> <li><a href="#title-2">ตัวอย่างคำนวณการรีไฟแนนซ์บ้าน</a></li> <li><a href="#title-3">ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน</a></li> <li><a href="#title-4">ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้าน</a></li> <li><a href="#title-5">เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยรีไฟแนนซ์ให้ง่ายขึ้น</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร</h2> </div> ใครที่สนใจกู้ซื้อบ้านควรรู้จักกับคำว่า &lsquo;รีไฟแนนซ์บ้าน&rsquo; ว่าคืออะไร บ้านยังผ่อนไม่หมดรีไฟแนนซ์ได้ไหม หรือรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมได้ไหม ลองไปอ่านกันเลย<br /> <br /> รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอสินเชื่อใหม่เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อบ้านเดิม โดยผู้กู้สามารถเลือกที่จะรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ แต่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่รีไฟแนนซ์บ้าน ได้แก่สถาบันการเงินใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าของสินเชื่อบ้านเดิม เพื่อช่วยลดภาระค่าผ่อนชำระต่อเดือนหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้นนั่นเองหากเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม จะเรียกว่าเป็นการลดดอกเบี้ยหรือ Retention การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเป็นวิธีหนึ่งในการลดภาระทางการเงินได้อย่างมาก<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>ตัวอย่างคำนวณการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> เช่น สมมติ ปัจจุบันนาย ก. ผ่อนบ้านราคาสองล้านบาท เป็นเวลา 20 ปี รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญาเท่ากับสองล้านห้าแสนบาท นั่นคือเงินต้น (2,000,000 บาท) + ดอกเบี้ย (2,500,000 บาท) = 4,500,000 บาท จึงตัดสินใจเลือกรีไฟแนนซ์ โดยเลือกให้ระยะเวลาการผ่อนสิ้นสุดตามสัญญาเดิม (17 ปี) ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นเงินต้น + ดอกเบี้ย = 3,750,000 บาท<br /> <br /> ทั้งหมดนี้ เป็นตัวเลขสมมติแต่คงช่วยให้คุณเห็นภาพได้แล้วว่าการรีไฟแนนซ์นั้น สามารถช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บมากขึ้น มีโอกาสประหยัดเงินได้นับแสนบาท<br /> <br /> สมการข้างต้นอาจดูเรียบง่าย แต่ถ้าสนใจรีไฟแนนซ์บ้านจริงๆ จะยุ่งยากหรือไม่และต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาทำความเข้าใจขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านกันดีกว่า<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. ตรวจสอบสัญญากู้บ้าน </strong></span></h3> บ้านยังผ่อนไม่หมด อยากรีไฟแนนซ์ทำได้ไหม คำตอบคือ ได้แน่ ๆ โดยขั้นแรกควรตรวจสอบสัญญากู้บ้านว่าผ่อนไปแล้วกี่ปี ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารจะกำหนดให้สามารถเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อผ่อนไปแล้ว 3 ปี<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. เลือกธนาคารที่ใช่</strong></span></h3> เป็นข่าวดี เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นมีให้เลือกมากกว่า 100 โปรโมชั่น ซึ่งเรื่องของดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ธนาคาร เราไม่ต้องกังวลว่าบ้านยังผ่อนไม่ไหมดจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม จะผ่านหรือเปล่าในตอนนี้ ให้เราต้องนำข้อมูลการยื่นขอลดดอกเบี้ยเงินกู้ของหลาย ๆ ธนาคารมาเทียบกัน ถ้าเลือกดี ๆ จะได้ธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด และช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้นับแสนบาทเลยทีเดียว และอีกเรื่องที่สำคัญ คือธนาคารที่เราจะเลือกใช้บริการ Refinance นั้น เราสะดวกในการเข้าไปติดต่อทำธุรกรรมหรือไม่<br /> <br /> ลงทุนใช้เวลาสักหน่อยในการเลือกธนาคารที่จะรีไฟแนนซ์ ลองดู<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/refinance" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'Refinance'});" target="_blank">โปรโมชันจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา</a>เป็นทางเลือกในการตัดสินใจ เพื่อจะได้เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด<br /> <br /> สำหรับคำถามที่ว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม? คำตอบคือสามารถทำได้ หากไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร เราสามารถยื่นขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการลดดอกเบี้ยบ้านโดยไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>3. เตรียมเอกสาร</strong></span></h3> สิ่งสำคัญที่จะทำให้การรีไฟแนนซ์สำเร็จ คือการเตรียมเอกสารที่ครบถ้วน เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้าน นั้นคล้ายการยื่นกู้บ้านใหม่อีกรอบ ซึ่งเอกสารที่แต่ละธนาคารต้องการมักจะคล้ายกัน มาดูกันว่าต้องเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านมีอะไรบ้าง<br /> &nbsp; <strong>1. เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล</strong><br /> เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลของผู้กู้ ใช้เพื่อยืนยันตัวตนกับธนาคาร <ul> <li>สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ</li> <li>สำเนาทะเบียนบ้าน</li> <li>สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส (ถ้ามี)</li> <li>สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า/ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)</li> <li>สำเนาใบมรณะบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)</li> </ul> <br /> <strong>2. เอกสารแสดงหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์</strong> <ul> <li>สำเนาแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด</li> <li>ใบอนุญาติปลูกสร้าง/หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่นสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือสัญญาให้ที่ดิน ทด.14</li> <li>สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน</li> <li>สำเนาสัญญากู้เงินธนาคารเดิม</li> <li>สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด</li> <li>แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป</li> </ul> <br /> <strong>3. เอกสารแสดงรายได้</strong><br /> แบ่งประเภทของผู้มีรายได้เป็น 2 แบบด้วยกัน ซึ่งถ้ามี<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/payroll" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'payroll'});" target="_blank">บัญชีเงินเดือน</a>กับธนาคารกรุงศรีก็จะมีสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมด้วย <ol> <li>สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ</li> </ol> <ul style="margin-left: 20px;"> <li>สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน(ตัวจริง)</li> <li>รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน</li> <li>สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)</li> </ul> <ol start="2"> <li>สำหรับบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจส่วนตัว</li> </ol> <ul style="margin-left: 20px;"> <li>สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า</li> <li>สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม</li> <li>สำเนา<a class="Text-link" href="https://www.krungsrionline.com/BAY.KOL.WebSite/Common/Login.aspx" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'Login'});" target="_blank">รายการเดินบัญชี</a>ย้อนหลัง 6&nbsp;เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)</li> <li>สำเนา ภ.พ. 30 (ถ้ามี)&nbsp;</li> </ul> *ในทั้ง 2 ประเภท ถ้ามีผู้กู้ร่วมก็ต้องให้ผู้กู้ร่วมเตรียมเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารแสดงรายได้ดังกล่าวด้วยเช่นกัน สำหรับการ รีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งสำคัญคือการเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการรีไฟแนนซ์ผ่านไปได้อย่างราบรื่น และช่วยให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดจากธนาคาร<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>4. ยื่นขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน </strong></span></h3> หลังจากที่คุณยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์แล้ว ทางธนาคารก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาหลักประกันของเราเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่ที่เราเลือกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราติดต่อธนาคารเดิมเพื่อสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอน<br /> <br /> สำหรับขั้นตอนการไถ่ถอน แม้ว่าเราจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมไม่ได้ แต่ธนาคารเดิมอาจจะเสนอการลดดอกเบี้ยให้เรา แต่จะเปลี่ยนใจเราได้ไหม เราจะต้องเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและข้อเสนอทั้งหมดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจด้วยว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านต่อหรือไม่<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>5. ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน </strong></span></h3> เมื่อคุณตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ เจ้าหน้าที่ธนาคารใหม่จะนำสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน ในวันเดียวกับการไปทำสัญญาจำนอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่เสร็จสิ้นการรีไฟแนนซ์บ้าน<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> <center><img alt="ขั้นตอนยื่นขอสินเชื่อการรีไฟแนนซ์บ้าน" class="img-fluid" src="/getmedia/ec469e4f-4121-4d5d-941e-1b00913d6060/home-loan-refinance-1.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> <br /> หากว่าบ้านยังผ่อนไม่หมด แต่ต้องการรีไฟแนนซ์ และเลือกธนาคารได้แล้ว และได้ผลการขอสินเชื่อว่ารีไฟแนนซ์ได้ไหมมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งควรทำต่อไปคือ คำนวณค่าใช้จ่ายหักลบกับเงินที่ประหยัดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์บ้าน ว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่คุณประหยัดได้จากดอกเบี้ยที่ลดลงหรือเปล่า โดยส่วนมากค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านใหม่ มาดูว่าปกติแล้วมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง <ul> <li>ค่าประเมินราคา (อาจมีค่าใช้จ่าย หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับโปรโมชัน)</li> <li>ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้</li> <li>ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน(ไม่เกิน 10,000 บาท)</li> <li>ประกันอัคคีภัย (โดยปกติต้องทำทุก 1-3 ปี ตามกฎหมาย)</li> <li>ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร</li> </ul> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-5"> <h2>เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยรีไฟแนนซ์กับธนาคารเป็นเรื่องง่าย</h2> </div> หากคุณบ้านยังผ่อนไม่หมด และต้องการลดค่าใช้จ่าย การรีไฟแนนซ์บ้านอาจเป็นทางออกที่ดีแต่กังวลว่าจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม ควรเริ่มจากการพิจารณารายได้ของเราว่ามี้เพียงพอที่พอผ่อนชำระในแต่ละเดือนหรือไม่ นอกจากนี้ หากคุณมีหลักทรัพย์เพิ่มจากเดิมและยังมีการผ่อนชำระอยู่ อาจทำให้ให้การรีไฟแนนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่สามารถทำได้ไม่ง่ายนัก และที่สำคัญที่ต้องไม่ลืมคือ การตรวจสอบสถานะเครดิตบูโรของเรายังดีอยู่หรือเปล่า ซึ่งสิ่งนี้มีผลโดยตรงต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ของธนาคาร<br /> <br /> นอกจากนั้นเราก็สามารถนำบ้านที่กำลังผ่อนอยู่กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร มาทำการรีไฟแนนซ์บ้านผ่อนกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่ายังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะทำให้เราผ่อนบ้านได้หมดไวแล้วยังมีเงินเหลือเอาไป<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/investments/investment-knowledge" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'funds'});" target="_blank">ต่อยอดในการลงทุน</a>ได้อีกด้วย ดังนั้น ใครกำลังมองหาวิธีลดดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน อยากประหยัดเงิน บ้านยังผ่อนไม่หมด ไม่ต้องกังวลว่าจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม มาปรึกษาเราเลย<br /> &nbsp; <center><a href="https://www.krungsri.com/th/calculator/home-calculator/borrowing-power-caculator" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Banner-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'plan-buy-home-refinance'});" target="_blank"><img alt="เครื่องมือคำนวณวางแผนรีไฟแนนซ์บ้าน" class="img-fluid" src="/getmedia/b6d67380-e03a-46f9-8b56-af7af7f73ea6/home-loan-refinance-2.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></a></center> <br /> บทความโดย<br /> ปริตา ธิติปรีชาพล<br /> กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล<br /> ธนาคารกรุงศรีอยุธยา <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style> <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style>
ks-coach
4 Min Read
share
รอบรู้เรื่องบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? รวมทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ

การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ อะไร? มาทำความเข้าใจกันดีกว่า รีไฟแนนซ์บ้านเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับการผ่อนบ้านให้หมดเร็วยิ่งขึ้นที่ลดทั้งเงินต้น ลดทั้งดอกเบี้ย หากคุณอยากปลดภาระทางการเงินอย่างรวดเร็ว และผ่อนบ้านแบบสบาย ๆ ไม่ควรพลาดการรีไฟแนนซ์บ้านโดยบทความนี้จาก Plan Your Money ได้รวบรวมทุกขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านอย่างละเอียดเอาไว้แล้วในบทความนี้<br /> &nbsp; <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร </a></li> <li><a href="#title-2">ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน </a></li> <li><a href="#title-3">8 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน มีอะไรบ้าง </a></li> <li><a href="#title-4">สรุป</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร</h2> </div> การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การขอเงินกู้จากธนาคารใหม่เพื่อปลดภาระเงินกู้จากธนาคารเก่า ซึ่งกระบวนการนี้เกิดจากการเปรียบเทียบสถาบันทางเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม การรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้ลดภาระหนี้และภาระค่าผ่อนต่อเดือน ทำให้คุณสามารถผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> ผู้ขอสินเชื่อผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมเดือนละ 20,000 บาท ในสัญญาเดิม ต้องหักดอกเบี้ย 13,000 บาท และหักเงินต้นเพียง 7,000 บาท แต่เมื่อตัดสินใจรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่แล้ว จะพบว่าเหลือหักดอกเบี้ย 7,000 บาท และหักเงินต้น 13,000 บาท ซึ่งอัตตราดอกเบี้ยที่ลดลง จะช่วยให้ค่าผ่อนบ้านลดลงและสามารถผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นอีก <center><br /> <img alt="วิธีและขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน" class="img-fluid" src="/getmedia/78b7ed3e-b866-471d-9d10-7d851280017f/8-steps-to-refinance-your-home-01.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>8 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน มีอะไรบ้าง</h2> </div> สำหรับขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับการยื่นกู้ซื้อบ้าน แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยมีขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ดังนี้<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. พิจารณาธนาคารเดิมกับธนาคารใหม่</strong></span></h3> หากลังเลว่าอยากให้ลดดอกเบี้ยลง แต่ไม่อยากเปลี่ยนธนาคาร คุณสามารถทำได้โดยติดต่อธนาคารเพื่อลดดอกเบี้ยให้ (Retention) อย่างไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์ และดอกเบี้ยที่ธนาคารใหม่เสนอให้<br /> <br /> โดยข้อดีในการลดดอกเบี้ย คือ ไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการ ลดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ แต่ข้อเสีย คือ ส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยที่ได้ลดจะน้อยกว่าธนาคารใหม่ที่เสนอให้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ขอสินเชื่อว่าต้องการแบบไหน<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. ตรวจสอบสัญญาการกู้</strong></span></h3> สำหรับใครที่ตัดสินใจยื่นรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำ คือการตรวจสอบสัญญาว่า กำหนดการที่สามารถให้รีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร โดยส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะอนุญาตให้รีไฟแนนซ์ได้หลังผ่อนชำระครบ 3 ปี แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อน ทางผู้กู้จะต้องชำระค่าปรับให้กับทางธนาคาร<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>3. ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือ </strong></span></h3> ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือจากสถาบันทางเงินเดิม เพื่อสรุปยอดหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ โดยข้อมูลเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเลือกธนาคารใหม่ ผ่านการนำยอดหนี้ที่คงเหลือไปคำนวณกับข้อเสนอที่ธนาคารมอบให้<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>4. มองหาธนาคารที่เหมาะสม </strong></span></h3> หลังจากทราบข้อมูลแล้ว ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านต่อมา คือการมองหาธนาคารใหม่ที่เหมาะสมในการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยพิจารณาข้อเสนอในเรื่องของดอกเบี้ยและระยะเวลาในการชำระหนี้ ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันให้เลือกมากมาย หากใครที่สนใจการรีไฟแนนซ์บ้าน สามารถศึกษา<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/refinance" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_Text','event_label':'โปรโมชันรีไฟแนนซ์จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา'});" target="_blank">โปรโมชันรีไฟแนนซ์จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา</a> เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางการตัดสินใจเลือกธนาคารที่ดีที่สุดได้ <center><br /> <img alt="เอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมอะไรบ้าง" class="img-fluid" src="/getmedia/c0a3b4bb-14cb-427a-a2ab-6e3bb3a8e684/8-steps-to-refinance-your-home-02.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>5. เตรียมเอกสารให้พร้อม </strong></span></h3> สำหรับเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการทำสัญญา เพราะการรีไฟแนนซ์จะคล้ายกับการยื่นกู้ซื้อบ้านใหม่อีกรอบ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ <ol> <li><strong>เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล</strong> เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านและทะเบียนสมรส เป็นต้น</li> <li><strong>เอกสารแสดงรายได้</strong> เช่น สลิปเงินเดือน และรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เป็นต้น</li> <li><strong>เอกสารหลักประกัน</strong> เช่น โฉนดที่ดินและสัญญาเงินกู้จากธนาคารเดิม เป็นต้น</li> </ol> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>6. ยื่นขอสินเชื่อสำหรับการรีไฟแนนซ์ </strong></span></h3> หลังเตรียมเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอสินเชื่อสามารถเข้าไปขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้ โดยเมื่อธนาคารรับเรื่องแล้วจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินราคาหลักประกันเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติแล้วทางธนาคารจะติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อสอบถามหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนต่อไป<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>7. เตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ </strong></span></h3> เมื่อธนาคารแห่งใหม่อนุมัติสินเชื่อแล้ว ลำดับต่อมาที่ผู้ขอสินเชื่อต้องเตรียม คือการเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านแบบปกติ โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมมีดังนี้ <ul> <li>ค่าประเมินราคา ประมาณ 2-3 พัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคาร</li> <li>ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้</li> <li>ค่าประกันอัคคีภัย</li> <li>ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน (ไม่เกิน 10,000 บาท)</li> <li>ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร</li> </ul> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>8. ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน </strong></span></h3> สำหรับการทำสัญญา ทางธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่ถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมกับการทำสัญญาจดจำนองในวันเดียวกัน หลังทำสัญญาและจดจำนองเรียบร้อยแล้ว ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการรีไฟแนนซ์<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>สรุป</h2> </div> ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านมีด้วยกัน 8 ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบสัญญาการกู้ การเลือกธนาคารไปจนถึงการเตรียมเอกสารยื่นรี ไฟแนนซ์บ้าน ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน ผู้ขอสินเชื่อควรศึกษาและหาธนาคารที่เหมาะสมที่สุด เพราะแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันที่แตกต่างกัน <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style>
ks-coach
5 Min Read
share
รอบรู้เรื่องบ้าน

วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นภายใน 10 ปี จบหนี้ไว ไร้กังวล

</a></li> <li><a href="#title-2">จะผ่อนบ้านยังไงให้หมดไว เพื่อให้หนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว ?<!--</a--></a></li></ul></div></div></div></div></div></div></div></div><div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"><h2><a href="#title-2">การผ่อนบ้าน สามารถคำนวณได้อย่างไร</a></h2></div>ถ้าเรากู้ธนาคาร 1,000,000 บาท เราต้องผ่อนธนาคารประมาณ 6,000 บาท จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยที่ทางธนาคารคิดกับเรา สมมติว่าเราได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 6% ต่อปี เป็นระยะเวลา 30 ปี<br /><br />ถ้าเราลองคำนวณตัวเลขคร่าว ๆ ดู 6,000 บาท x 12 เดือน จะเท่ากับ 72,000 บาท หมายความว่า เราจะผ่อนเท่ากับ 72,000 บาทต่อปี แล้วถ้าเรา เอา 72,000 x 30 ปี จะได้เท่ากับ 2,160,000 บาท นั่นแปลว่าถ้าเรากู้ 1,000,000 บาท แต่เงินที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคารจะเท่ากับ 2,160,000 บาท ส่วนที่เพิ่มนั้นเราเรียกกันว่า &quot;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/calculate-your-mortgage" target="_blank">ดอกเบี้ย</a>&quot; ซึ่งเรียกได้ว่าเราจะจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นที่เรายืมมาอีกทีก็ไม่ผิดนัก<br /><br />ตรงนี้เราต้องเข้าใจก่อน เวลาที่เราผ่อนจ่ายให้กับธนาคารไปในแต่ละงวดนั้น เงินจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็คือ &quot;ชำระดอกเบี้ย&quot; ส่วนที่สองก็คือ &quot;ชำระเงินต้น&quot;<br /><br />งวดแรกที่เราผ่อนชำระ 6,000 บาทไป โดยที่เราเป็นหนี้ธนาคารอยู่ 1,000,000 บาท เราจะมีภาระดอกเบี้ยเท่ากับ 1,000,000 x 6% /12 เดือน จะเท่ากับ 5,000 บาท นั่นแปลว่า เงินที่เราจ่ายธนาคารไปทุกเดือนนั้นจะเป็นการชำระดอกเบี้ย 5,000 บาท แล้วชำระคืนเงินต้นเพียง 1,000 บาทเท่านั้นเอง<br /><br />ส่วนในเดือนที่ 2 เราก็จ่ายอีก 6,000 บาท ภาระดอกเบี้ยเราจะเหลือ 990,000 x 6%/12 เดือนก็จะเท่ากับ 4,950 บาท แล้วจะไปชำระคืนเงินต้น 1,050 บาท<br /><br />เราจะเห็นได้ว่าช่วงแรกของการผ่อนชำระเงินกู้บ้าน มากกว่า 70-80% ของเงินผ่อนจะเป็นการชำระคืนดอกเบี้ยทั้งหมดเลยทำให้ยอดหนี้รวมที่เราอยู่กับธนาคารนั้นลดไปอย่างช้า ๆ ซึ่งนั่นก็จะทำภาระดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้นไปด้วย<br />&nbsp;<div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"><h2>จะผ่อนบ้านยังไงให้หมดไว เพื่อให้หนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว ?</h2></div><h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. การโปะบ้าน</strong></span></h3>วิธีการหนึ่งที่จะช่วยทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงและทำให้เราผ่อนบ้านให้หมดไว ปิดหนี้ได้เร็วมากขึ้นนั้นก็คือ &quot;การโปะ&quot; หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการชำระคืนในแต่เดือนให้มากกว่าเงินงวดปกติ หรือกรณีนี้ คือ มากกว่า 6,000 บาทต่อเดือน เพราะเงินที่จ่ายหรือโปะเพิ่มเข้าไปนั้นจะไปหักเงินต้น 100% ก็จะทำให้ยอดหนี้เราลดลงเร็วมากขึ้น แล้วก็จะทำให้เราโดนคิดดอกเบี้ยน้อยลง ง่าย ๆ ว่าถ้าเราจ่ายเป็น 2 เท่าจากยอดปกติที่เราคุยกับธนาคารไว้จะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านหมดภายใน 10 ปี จากเดิมที่วางเอาไว้ที่ 30 ปี ซึ่งเร็วขึ้น 20 ปีเลยทีเดียว<br />&nbsp;<h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. การรีไฟแนนซ์บ้าน</strong></span></h3>อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้ภาระดอกเบี้ยเราลดลงได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ การทำ <b>&quot;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/refinance-howto-most-efficiently" target="_blank"><strong>รีไฟแนนซ์</strong></a> (Refinance)&quot;</b> เพราะเดี๋ยวนี้เวลาที่เราขอกู้ธนาคารจะมีช่วงที่เรียกว่าช่วงโปรโมชัน &quot;ดอกเบี้ยต่ำ&quot; ช่วง 2-3 ปีแรก หลักการก็คือ เมื่อหมดช่วงโปรแล้วเราโดนคิดดอกเบี้ยเต็ม ๆ เมื่อไหร่ ก็ให้เราไปติดต่อธนาคารอื่น ๆ เพื่อขอกู้ใหม่แล้วนำเงินมาปิดหนี้กับที่เดิมเพื่อให้เราได้ช่วงโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำไปเรื่อย ๆ ณ ปัจจุบันดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่นจะอยู่แถว ๆ 3.5% โดยเฉลี่ย แต่ถ้าหมดช่วงโปรแล้วดอกเบี้ยจะดีดขึ้นไปอยู่แถว ๆ 5-6% นั่นเอง<br /><br />วิธีการรีไฟแนนซ์ แนะนำว่าทุกคนควรทำ เพราะแค่เราย้ายที่กู้เรื่อย ๆ ก็จะทำให้เราลดภาระดอกเบี้ยได้ด้วยการที่เราผ่อนชำระด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม แต่เราสามารถรักษาช่วงโปรโมชั่นได้ตลอดก็จะช่วยทำให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นจากเดิม 30 ปี จะเหลือแถว ๆ 20 ปีเท่านั้นเอง แต่ถ้าเราทั้งโปะ 1 เท่า แถมรีไฟแนนซ์ตลอดจะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านหมดไวภายในระยะ 8-9 ปีเท่านั้น !<br />&nbsp;<div class="table-responsive"><table border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" class="table table-striped responstable" style="border-color: rgb(162, 162, 162); width: 100%;" width="679"> <tbody> <tr> <td style="background-color: rgb(113, 95, 95); text-align: center; vertical-align: middle;"><span style="color:#ffffff;"><strong>ลักษณะการผ่อน</strong></span></td> <td style="background-color: rgb(113, 95, 95); text-align: center; vertical-align: middle;"><span style="color:#ffffff;"><strong>ระยะเวลาผ่อน</strong></span></td> </tr> <tr> <td style="text-align: center;">ผ่อนตามแผน</td> <td style="text-align: center;">30 ปี</td> </tr> <tr> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">ผ่อนตามแผน + โปะ 1 เท่า</td> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">10 ปี</td> </tr> <tr> <td style="text-align: center;">ผ่อนตามแผน + รีไฟแนนซ์เรื่อย ๆ<br /> <span style="font-size:12px;">***ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยช่วงโปรโมชัน***</span></td> <td style="text-align: center;">ประมาณ 20 ปี</td> </tr> <tr> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">ผ่อนตามแผน + โปะ 1 เท่า + รีไฟแนนซ์เรื่อย ๆ<br /> <span style="font-size:12px;">***ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยช่วงโปรโมชัน***</span></td> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">ประมาณ 8-9 ปี</td> </tr> </tbody></table></div>พอเรารู้วิธีการผ่อนบ้านยังไงให้หมดจบเร็วแล้ว ปัญหาอีกเรื่องนึงที่ต้องเจอกันทุกคนอย่างแน่นอนก็คือ &ldquo;เราจะเลือกกู้กับธนาคารไหนดี&rdquo; ตรงนี้ต้องแนะนำว่าเราสามารถเลือกง่าย ๆ ก็แค่ดูว่า &quot;ดอกเบี้ย&quot; ที่ไหนที่ต่ำที่สุดก็เลือกธนาคารนั้นเป็นหลักได้เลย วิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจว่าดอกเบี้ยที่ได้ต่ำที่ถูกเราต้องขยันเดินเข้าไปสอบถามหลาย ๆ ธนาคารหน่อยแล้วล่ะ เพราะบางครั้งบางธนาคารก็มีโปรเด็ด ๆ ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าที่อื่น ซึ่งอาจจะมีดอกเบี้ยช่วงโปรต่ำกว่าถึง 0.5-1% ต่อปีเลยก็มีให้เห็นเหมือนกัน แต่การเปรียบเทียบว่าดอกเบี้ยที่ได้ต่ำที่สุด เราต้องดู &ldquo;ดอกเบี้ยเฉลี่ย&rdquo; ตลอดช่วงเวลาก่อนที่เรามารถรีไฟแนนซ์ได้อีกรอบ ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยช่วงโปรโมชัน<br /><br />แต่ถ้าที่ทำงานใครมีสวัสดิการร่วมกับธนาคารเรื่องการกู้ซื้อบ้าน จริง ๆ เราอาจจะลองพิจารณาตรงนั้นเป็นพิเศษก็ได้เหมือน เพราะเราอาจจะได้ดอกเบี้ยพิเศษถูกกว่าไปกู้เองหรืออาจจะช่วยให้อนุมัติง่าย อนุมัติเร็ว ก็เป็นไปได้เช่นกัน ลองปรึกษาฝ่ายบุคคลที่บริษัทดูก่อนด้วยทุกครั้ง ถือว่าเป็นสวัสดิการที่เราสามารถใช้ได้นั้นเอง<style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px;}</style><style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400;}</style>
ks-coach
3 Min Read
share