เราทุกคนล้วนมีสิ่งที่อยากได้ หรือมุ่งหมายให้สิ่งที่คาดหวังสำเร็จ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างต้องใช้เงิน ดังนั้น การประหยัด ออมเงิน หรือลงทุนในด้านต่าง ๆ ก็มีผลต่อการทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ในแง่ของการออม ปัจจุบันมีการออมหลายรูปแบบ มีทั้งแบบความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง และอัตราของผลตอบแทนก็แตกต่างกันออกไป ในที่นี้จะขอแนะนำการออมแบบฝากประจำกับธนาคาร ซึ่งเป็นการออมที่มีความเสี่ยงต่ำมาก และอัตราผลตอบแทนค่อนข้างสูง เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง มาดูวิธีการออมง่าย ๆ ให้ถึงเป้าหมายกันเลยดีกว่า
1. เราต้องกำหนดเป้าหมาย และระยะเวลาที่จะบรรลุ
หากกำหนดเป้าหมายได้เร็ว เราก็จะเริ่มการออมได้เร็ว ทำให้ออมได้แบบสบาย ๆ ไม่บีบรัดการใช้จ่ายมากเกินไป และทำให้มีเงินใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ถ้าเราเริ่มต้นการออมช้า เราอาจจะต้องใช้เงินในการออมต่อเดือนจำนวนมาก ทำให้ต้องจำกัดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ เช่น ออมเพื่อซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ ออมเพื่อซื้อรถ ดังนั้น อย่าละเลยการตั้งเป้าหมายฝากประจำไป
2. พิจารณาถึงความสามารถในการออม
ความสามารถในการออมของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายรับและรายจ่ายของแต่ละบุคคล เราสามารถคำนวณจำนวนเงินที่สามารถออมได้จากการนำรายรับทั้งหมดมาหักลบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออก ซึ่งค่าใช้จ่ายบางรายการเราสามารถควบคุมได้ และอาจจะหักเงินออมสำรองไว้อีกจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินแยกมาจากการออมแบบฝากประจำอีกทีหนึ่ง เช่น
- รายรับ
- เงินเดือน 15,000 บาท
- รายจ่าย
- ค่าเช่าบ้าน 2,500 บาท
- ค่าน้ำ 500 บาท
- ค่าไฟ 500 บาท
- ค่าโทรศัพท์ 500 บาท
- ค่าอาหาร 5,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ 1,000 บาท
- เงินออม
- เงินออมสำรองกรณีฉุกเฉิน 1,000 บาท
- เงินออมแบบฝากประจำ 4,000 บาท
3. เลือกประเภทของการออมแบบฝากประจำให้เหมาะสม
ประเภทของการออมแบบฝากประจำหลายแบบ เช่น แบบ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน หรือ 36 เดือน ซึ่งถ้าระยะเวลาในการฝากนาน ผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยก็จะสูง นอกจากนี้ยังมีการออมแบบฝากประจำที่ปลอดภาษีอีกด้วย การฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากมากกว่า 12 เดือน ส่วนมากจะเป็นการฝากแบบนำดอกเบี้ยที่ได้รวมกับเงินต้นที่ฝากในปีนั้น มาเป็นเงินต้นในปีถัดมา การคำนวณอัตราดอกเบี้ยสำหรับการเลือกประเภทการฝากประจำ เช่น จำนวนเงินฝาก 4,000 บาท ในข้อที่ 2 เลือกฝากประจำแบบ 12 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.35 บาทต่อปี และเสียภาษีร้อยละ 15 ของจำนวนเงินดอกเบี้ยที่ได้ ผลตอบแทนทั้งหมดที่ได้แสดงดังนี้
เดือน | จำนวนเงินที่ฝากต่อเดือน (บาท) | จำนวนเดือนที่ฝาก | จำนวนวันที่ฝาก | ดอกเบี้ย (ร้อยละ) | ดอกเบี้ยที่ได้ (บาท) | |
(เงินต้น × อัตราดอกเบี้ย/365 × จำนวนวันที่ฝาก)/100 | ||||||
1 | 4,000 | 12 | 365 | 1.35 | 54.00 | |
2 | 4,000 | 11 | 334 | 1.35 | 49.41 | |
3 | 4,000 | 10 | 304 | 1.35 | 44.98 | |
4 | 4,000 | 9 | 273 | 1.35 | 40.39 | |
5 | 4,000 | 8 | 243 | 1.35 | 35.95 | |
6 | 4,000 | 7 | 212 | 1.35 | 31.36 | |
7 | 4,000 | 6 | 181 | 1.35 | 26.78 | |
8 | 4,000 | 5 | 151 | 1.35 | 22.34 | |
9 | 4,000 | 4 | 120 | 1.35 | 17.75 | |
10 | 4,000 | 3 | 90 | 1.35 | 13.32 | |
11 | 4,000 | 2 | 59 | 1.35 | 8.73 | |
12 | 4,000 | 1 | 31 | 1.35 | 4.59 | |
รวมเงินต้น (บาท) | 48,000 | รวม | 349.59 | |||
VAT 15% | 52.44 | |||||
ดอกเบี้ยที่ได้ทั้งหมด | 297.16 | |||||
ผลตอบแทนที่ได้ทั้งหมด (บาท) | 48,297.16 |
การออมแบบฝากประจำ มีข้อดีมากมาย หากใครอยากรู้ สามารถอ่านบทความต่อได้เลยครับ
4. มีวินัยในการออม
เมื่อตั้งเป้าหมายฝากประจำเอาไว้อย่างดีแล้ว พอได้รับเงินเดือนมาเราควรหักเงินออมก่อนเพื่อให้เป้าหมายของเราสำเร็จโดยเร็ว ถ้าเราไม่หักเงินออมก่อน เราอาจจะใช้จ่ายเกินความจำเป็น เพราะนึกว่าเงินยังเหลืออีกเยอะ ถึงเวลาสิ้นเดือนก็เหลือเงินออมเพียงนิดเดียว อีกทางหนึ่งที่จะช่วยเราจัดการเงินออมให้เป็นระบบ คือ การเลือกหักเงินออมจากบัญชีเงินเดือน เป็นการนำเงินเข้าบัญชีเงินออมเลย ทำให้เราไม่สามารถนำเงินออกมาใช้จ่ายได้
5. ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น
ก่อนใช้จ่าย เราควรคิดก่อนว่า สิ่งที่ซื้อมามีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน คุ้มกับเงินที่เสียไปไหม หรือว่ายังมีของเก่าที่ยังใช้ได้อยู่ไหม เราควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายแต่ละวันเพื่อดูว่า เราใช้จ่ายค่าอะไรไปบ้าง เมื่อครบหนึ่งเดือน ให้เรานำบัญชีรายรับรายจ่ายที่จดไว้มาดูว่าจะสามารถตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้ไหม ถ้าทำเช่นนี้จะทำให้เราควบคุมการใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น เราก็จะมีเงินไปออมมากขึ้นให้สมกับที่ตั้งเป้าหมายฝากประจำหรือการออมและลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ เอาไว้
เพียงเท่านี้เราก็สามารถจัดการกับเงินออมของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถไปถึงเป้าหมายของเราได้โดยง่าย หากคิดเรื่องออม อย่าลืมนึกถึงการออมแบบฝากประจำนะครับ