กรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม

ประกันภัยสำเร็จรูปรถยนต์ กรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม ราคาเพียง 7,700 บาท
  • ประกัน 3+ วงเงินค่าซ่อมสูงพิเศษ
  • พิเศษ! คุ้มครองน้ำท่วม
  • ไม่ต้องตรวจสภาพ
  • ไม่จำกัดอายุและรุ่นรถ
  • คุ้มครองภัยน้ำท่วม สูงสุดถึง 120,000 บาท
  • ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก
รับประกันภัยโดย บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
Allianz Ayudhya

รายละเอียด

แผนความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย จำนวนเงินจำกัดความรับผิด
1. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก  
1.1 คุ้มครองชีวิตบุคคลภายนอก 1,000,000 บาทต่อคน
(สูงสุดรวมกันไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง)
1.2 คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 1,000,000 บาทต่อครั้ง
2. คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล (ผู้ขับขี่ 1 คน และผู้โดยสาร 4 คน)  
2.1 เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ 100,000 บาทต่อคน
2.2 ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 100,000 บาทต่อคน
3. ประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา 200,000 บาทต่อครั้ง
4. คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่เอาประกันภัย  
4.1 คุ้มครองค่าซ่อมรถทันที กรณีเฉี่ยวชนกับยานพาหนะทางบกทั้งที่เป็นฝ่ายผิดและฝ่ายถูก 120,000 บาทต่อครั้ง
4.2 คุ้มครองภัยน้ำท่วม 120,000 บาทต่อครั้ง
  • ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ (Hotline) โทร. 1292 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ศูนย์บริการข้อมูลด้านสุขภาพ “TPA Hotline” โทร. 0 2660 1222 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
  • รับประกันเจ้าหน้าที่สำรวจภัยถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) เท่านั้น หากถึงที่เกิดเหตุเกินกว่า 30 นาที รับฟรีกรมธรรม์คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล วงเงินคุ้มครอง 100,000 บาท
  • รับส่วนลดประวัติดีในปีต่ออายุ
  • สำหรับรถเก๋ง / รถกระบะ น้ำหนักไม่เกิน 4 ตัน เพื่อใช้ส่วนบุคคลเท่านั้น
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ยกเว้นการพิจารณารับประกันภัย รถป้ายแดง, รถตู้, รถเช่า, รถที่จดทะเบียนในนาม นิติบุคคลหรือรถรับจ้างสาธารณะทุกชนิด
  • ไม่จำกัดอายุ และรุ่นรถ และไม่ต้องตรวจสภาพรถยนต์

ดาวน์โหลดเอกสาร

 
ตารางผลประโยชน์และความคุ้มครอง
PDF
 
ขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
PDF
คำถามที่พบบ่อย
กรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม ให้ความคุ้มครองตัวรถคันที่ทำประกันภัยกรณีรถชนรถ และจากภัยน้ำท่วม สูงสุด 120,000 บาท รวมถึงความรับผิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์)
ผนกรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ผู้ขอเอาประกันภัยที่เป็นเจ้าของรถยนต์คันที่เอาประกันภัย
ท่านจะได้รับความคุ้มครองทันทีหลังจากที่บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด มหาชน ได้รับชำระเบี้ยประกันภัย
ท่านสามารถซื้อกรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วมได้สูงสุด 1 กรมธรรม์ต่อรถยนต์ 1 คัน
เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โปรดติดต่อ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ศูนย์บริการลูกค้า Call center 1294 ทุกวัน 24 ชม.
แผนกรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม เป็นแผนประกันรถยนต์ที่เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีอายุรถที่ไม่สามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้แล้วหรือลูกค้าเป็นผู้ที่มีประวัติการขับรถดี ไม่เคยเกิดเหตุ หรือเกิดเหตุน้อยมาก เหมาะที่จะทำประกันภัยแผนประกันภัยนี้
ต้องเป็นรถเก๋งหรือรถกระบะ(น้ำหนักไม่เกิน 4 ตัน) เพื่อใช้ส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่จำกัดอายุรถและรุ่นรถ ไม่ต้องตรวจสภาพรถก่อนทำประกันภัย ส่วนรถที่ไม่สามารถรับประกันได้ คือ รถยนต์ป้ายแดง รถตู้ รถเช่า รถที่จดทะเบียนนิติบุคคลหรือรถรับจ้างสาธารณะทุกชนิด
สามารถแจ้งเคลมผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ Call Center 1292 กด 2 ทุกวัน 24 ชม.
กรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม ให้ความคุ้มครองตัวรถคันที่ทำประกันภัยกรณีรถชนรถ และจากภัยน้ำท่วม สูงสุด 120,000 บาท รวมถึงความรับผิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์)
ผนกรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ผู้ขอเอาประกันภัยที่เป็นเจ้าของรถยนต์คันที่เอาประกันภัย
ท่านจะได้รับความคุ้มครองทันทีหลังจากที่บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด มหาชน ได้รับชำระเบี้ยประกันภัย
ท่านสามารถซื้อกรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วมได้สูงสุด 1 กรมธรรม์ต่อรถยนต์ 1 คัน
เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โปรดติดต่อ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ศูนย์บริการลูกค้า Call center 1294 ทุกวัน 24 ชม.
แผนกรุงศรีประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมคุ้มครองน้ำท่วม เป็นแผนประกันรถยนต์ที่เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีอายุรถที่ไม่สามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้แล้วหรือลูกค้าเป็นผู้ที่มีประวัติการขับรถดี ไม่เคยเกิดเหตุ หรือเกิดเหตุน้อยมาก เหมาะที่จะทำประกันภัยแผนประกันภัยนี้
ต้องเป็นรถเก๋งหรือรถกระบะ(น้ำหนักไม่เกิน 4 ตัน) เพื่อใช้ส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่จำกัดอายุรถและรุ่นรถ ไม่ต้องตรวจสภาพรถก่อนทำประกันภัย ส่วนรถที่ไม่สามารถรับประกันได้ คือ รถยนต์ป้ายแดง รถตู้ รถเช่า รถที่จดทะเบียนนิติบุคคลหรือรถรับจ้างสาธารณะทุกชนิด
สามารถแจ้งเคลมผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ Call Center 1292 กด 2 ทุกวัน 24 ชม.
ช่องทางการติดต่อ
ช่องทางการเคลม
ติดต่อบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือเคลมประกัน โทร 1292 ตลอด 24 ชั่วโมง

บทความที่เกี่ยวข้อง

รอบรู้เรื่องรถ

ก่อนเคลมประกันรถยนต์ เช็กสิทธิ์สำคัญของเราก่อน

เพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุดของรถยนต์คงหนีไม่พ้น &ldquo;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/bancassurance/non-life-insurance/tip-up-to-mile" target="_blank">ประกันภัย</a>&rdquo; เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเมื่อไหร่ ประกันรถยนต์ก็จะช่วยทำให้เราอุ่นใจมากยิ่งขึ้นแน่นอน อีกทั้งหากถึงช่วงเวลาที่เราต้องเอารถเข้าซ่อม หรือต้องเอา &ldquo;เคลมประกัน&rdquo; แล้วละก็ สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวอยู่ตลอดคงได้รับผลกระทบไม่น้อย<br /> &nbsp; <center><img alt="ประกันภัยรถยนต์คืออะไรแบ่งได้กี่ประเภท" class="img-fluid" src="/getmedia/b12de2e6-bf66-4cba-b986-831f8bf4e002/check-before-claim-car-insurance-detail-01.jpeg.aspx" /></center> <br /> คงจะดีกว่าหากเราทำความเข้าใจเรื่องประกันภัยให้มากยิ่งขึ้น และอีกเรื่องสำคัญไม่ควรพลาดคือเราควรรู้สิทธิประโยชน์ที่เราควรได้รับในขณะที่รถเรากำลังส่งซ่อม<br /> <br /> ฉะนั้นแล้วบทความนี้ขออาสาพาเหล่าผู้ใช้รถใช้ถนนไปเรียนรู้เรื่องราวเหล่านั้นพร้อม ๆ กัน โดยเรามาเริ่มทำความรู้จักกับประกันภัยรถยนต์ก่อน <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ประกันภัยรถยนต์คืออะไร? แบ่งได้กี่ประเภท</span></h2> </div> ประกันรถยนต์จัดอยู่ในประกันวินาศภัยแบบหนึ่ง ที่คุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดจากการใช้รถ ได้แก่ ความเสียหาย สูญหายของตัวรถยนต์ รวมถึงความสูญเสียหรือเสียหายที่รถยนต์ก่อให้เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน ร่างกาย และชีวิต ของบุคคลภายนอก รวมทั้งบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์คันนั้น โดยประกันรถยนต์ก็มี 2 ประเภทด้วยกัน<br /> <br /> <strong>1. การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ </strong>หรือที่เรียกว่า &ldquo;การประกันภัย พ.ร.บ.&rdquo; คือ การประกันภัยรถยนต์ที่กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถทุกคันมีหน้าที่ต้องจัดให้มีการประกันภัย ตามความคุ้มครองที่พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กำหนดไว้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ได้มีการทำ พ.ร.บ. ถือว่าผิดกฎหมาย<br /> <br /> ทั้งนี้ประกันภัยภาคบังคับสำหรับการเสียชีวิตและการบาดเจ็บ มีวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อคนอย่างจำกัด ดังนั้นเจ้าของรถควรพิจารณาซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเพิ่มเติมเพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม<br /> <br /> รายละเอียดความคุ้มครองของการประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. <ul style="margin-left:20px"> <li>ให้การคุ้มครองและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และให้การรักษาพยาบาลทันทีในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต</li> <li>เป็นการรับประกันให้โรงพยาบาลหรือสถาบันทางการแพทย์เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลในการรักษาผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์</li> <li>เป็นผลประโยชน์ที่รัฐมอบให้ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์</li> <li>ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมประกันในการบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยและครอบครัว</li> </ul> <br /> <strong>2. การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ</strong> เป็นการประกันภัยรถยนต์ที่กฎหมายไม่ได้บังคับ แต่เกิดจากความสมัครใจของเจ้าของรถยนต์ เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ประกันภัยรถยนต์มีอยู่หลายประเภท หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าประกันภัยชั้นต่าง ๆ ในแต่ละประเภทก็มีความคุ้มครองแตกต่างกันออกไปอีก ความรับผิดชอบหรือเงินค่าสินไหมทดแทนก็จะมีไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ตามเงื่อนไขตอนที่เลือกทำประกันภัยของแต่ละประเภทประกันที่เลือกซื้อเอาไว้<br /> <br /> ซึ่งจะมีประเภทการคุ้มครองตามรายละเอียดด้านล่าง <ul style="margin-left:20px"> <li>คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย</li> <li>คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ให้ความคุ้มครองต่อความรับผิดสำหรับความเสียหายใด ๆ ของบุคคลที่สาม</li> <li>คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง หรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ แต่ไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้</li> <li>ความคุ้มครองความรับผิดจากอัคคีภัยและการโจรกรรม (Fire and Theft: F&amp;T) ครอบคลุมความเสียหายต่อรถยนต์หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถ รวมถึงการตัดแต่งอุปกรณ์และส่วนติดตั้งที่ไหม้หรือขาดหายไปที่ติดอยู่กับรถ</li> </ul> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ตารางสรุปความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ</span></h2> </div> <center><img alt="ตารางสรุปความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ" class="img-fluid" src="/getmedia/c81dd444-3854-462a-b2a4-20bf582486c8/check-before-claim-car-insurance-detail-02.jpg.aspx" /></center> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ขั้นตอนการเคลมประกันภัยรถยนต์โดยรวมมีอะไรบ้าง?</span></h2> </div> บ่อยครั้งสิ่งแรกที่ควรทำระหว่างขั้นตอนการเคลมประกันคือใจเย็นและรวบรวมรายละเอียดการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นโทรไปที่ศูนย์ประกันภัย ซึ่งการเคลมประกันก็มีสองรูปแบบเช่นกัน<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. เคลมสด</strong></span></h3> การเคลมที่เกิดขึ้นทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน โดยยังมีคู่กรณีอยู่ด้วย (เมื่อเกิดอุบัติเหตุระหว่างรถยนต์กับรถยนต์) ซึ่งจะเป็นการโทรติดต่อให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบและออกเอกสารสำหรับทำเรื่องเคลมทันที<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. เคลมแห้ง</strong></span></h3> การเคลมแบบแห้งเป็นการเคลมที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ควรไม่เกินสองสามวัน) โดยปกติในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการชนทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อย บริษัทประกันภัยต้องบันทึกการเกิดอุบัติเหตุอย่างชัดเจน ชนเข้ากับสิ่งใด เมื่อใด ที่ไหน และรายงานการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วยตนเองต่อบริษัทประกันภัยด้วยการเคลมแบบแห้ง มีกรณีพิเศษของ &quot;การเคลมรอบคัน&quot; ซึ่งรวบรวมรายละเอียดของเครื่องหมายต่าง ๆ พันรอบรถของเจ้าของรถทั้งคัน แต่ความคุ้มครองนี้สำหรับประกันชั้นหนึ่งเท่านั้น<br /> <br /> มาถึงอีกหนึ่งความคุ้มครองที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ หรือกำลังมองข้ามไปจนทำให้เสียสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้นั่นคือเรื่องของ &ldquo;ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม&rdquo; จะมีอะไรบ้างมาดูกัน<br /> &nbsp; <center><img alt="ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมของการเคลมประกันรถยนต์" class="img-fluid" src="/getmedia/014bd9fb-3ec2-4f19-9d75-93c3d7c163a3/check-before-claim-car-insurance-detail-03.jpeg.aspx" /></center> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม ที่เจ้าของรถควรรู้</span></h2> </div> ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม คือ ค่าสินไหมทดแทนจากการเกิดอุบัติเหตุที่ฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณีได้ ในขณะที่เรากำลังนำรถเข้าเคลมประกัน ทำความเข้าใจง่าย ๆ ว่าเราไม่มีรถใช้งาน แต่เราได้รับเงินชดเชยแทนนั่นเอง<br /> <br /> หรือถ้าหากท่านใดที่ยังคงสงสัยในเรื่องของค่าขาดประโยชน์ระหว่างรถกำลังซ่อมอยู่ เราขอส่งไม้ต่อให้กับ Krungsri The COACH <strong>&ldquo;รู้มั้ย? ระหว่างรถรอซ่อม เคลมค่าขาดประโยชน์จากประกันได้นะ&rdquo;</strong> คลิกเลย<br /> <br /> <style type="text/css">.video-container { position: relative; padding-bottom: 56.25%; padding-top: 30px; height: 0; overflow: hidden; } .video-container iframe, .video-container object, .video-container embed { position: absolute; top: 0; left: 0; width: 100%; height: 100%; } </style> <div class="Tmgten video-container"><iframe data-gtm-yt-inspected-13="true" data-gtm-yt-inspected-6="true" data-gtm-yt-inspected-677699_404="true" data-gtm-yt-inspected-677699_86="true" data-gtm-yt-inspected-8="true" data-gtm-yt-inspected-9="true" frameborder="0" height="422" id="668822690" src="https://www.youtube.com/embed/5LZL20aMgp8?rel=0&amp;showinfo=1&amp;enablejsapi=1&amp;origin=https%3A%2F%2Fcms.krungsri.com" width="750"></iframe></div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">มาต่อกันที่ขั้นตอนการขอค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมขณะที่รถกำลังเคลมประกัน</span></h2> </div> <ul style="margin-left:20px"> <li>รอรับใบแจ้งเคลมประกันจากเจ้าหน้าที่ประกันภัย พร้อมกับถ่ายเอกสารไว้เป็นสำเนา</li> <li>นำรถยนต์ไปที่ศูนย์ หรืออู่ซ่อม พร้อมให้ศูนย์หรืออู่ซ่อมประเมินความเสียหายส่งเป็นเอกสารให้เราเก็บไว้ด้วย พร้อมยื่นใบเคลมเพื่อแจ้งซ่อม</li> <li>ขอใบรับรถมาจากศูนย์หรืออู่มาให้เรียบร้อย และถ่ายเอกสารเก็บไว้เสมอ</li> <li>แจ้งศูนย์หรืออู่ให้ถ่ายรูปตอนซ่อมรถแล้วส่งมาให้เราดู เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการยื่นแบบฟอร์มเรียกร้องสินไหมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม</li> <li>เมื่อรถซ่อมเสร็จก็ให้เราไปรับรถพร้อมขอสำเนาใบรับรถหรือหนังสือส่งมอบรถเสร็จที่ระบุวันที่ไว้อย่างชัดเจน</li> <li>จากนั้นให้เราขอแบบฟอร์มแจ้งเคลมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมจากบริษัทประกันของคู่กรณี หรืออาจจะลองหาแบบฟอร์มจากช่องทางออนไลน์ก็ย่อมได้</li> <li>เตรียมเอกสารของตัวเราเองให้พร้อม เริ่มจากใบขับขี่รถยนต์ และรวมถึงถ่ายสำเนาไว้ด้วย</li> <li>สำเนาทะเบียนรถยนต์ของเรา</li> <li>สำเนาบัญชีธนาคารที่เราต้องการให้โอนเงินค่าขาดประโยชน์กลับมาให้ ซึ่งก็ควรเป็นบัญชีของตัวเราเอง</li> </ul> <br /> นี่ก็เป็นเรื่องราวของประกันภัยกับความคุ้มครองต่าง ๆ ที่เราไม่ควรพลาด โดยเฉพาะกับเรื่องของค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมที่หลาย ๆ คนมองข้ามกันไป แค่เรามีข้อมูลและความรู้ในส่วนนี้ติดไว้อุ่นใจกว่าแน่นอน เราไม่รู้ว่าระหว่างการเดินทางจะต้องเผชิญกับอะไร แต่เราสามารถเตรียมวิธีรับมือ และรักษาสิทธิประโยชน์ของเราไว้ได้ ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุก ๆ ท่านมีความสุขตลอดทุกการเดินทาง <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style>
ks-coach
5 Min Read
share
รอบรู้เรื่องรถ

ก่อนต่อประกันรถยนต์ควรตรวจสอบอะไร

<div class="text-content"><!-- start Top text content --><div class="ar-text-content">วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันต่างอยู่บนพื้นฐานของการเร่งรีบ ระบบขนส่งจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ แต่บ่อยครั้งที่ระบบขนส่งในเมืองไทยก็ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง เพราะสภาพการจราจรที่ติดขัดมากถึงมากที่สุด ผู้คนจึงหันมาโดยสารด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น ประกอบกับราคารถยนต์ที่เป็นแบบ Eco Car ก็มีราคาที่จับต้องได้</div>&nbsp;<div style="display:block;padding:10px;border:solid 3px #FD0;font-size:12pt;text-align:center;"><strong>&quot;เจ้าของรถก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูรถยนต์ของตนเองให้อยู่ในสภาพที่พร้อม<br />ใช้งาน รวมถึงดูแลในเรื่องของประกันรถยนต์ด้วย&quot;</strong></div><div class="ar-text-content mt-40px-all">รถยนต์ส่วนตัวจึงเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมเดินทางที่ไปในทุกหนแห่งไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ก็พร้อมจะขับเคลื่อนไปพร้อมกับเจ้าของรถ แต่เจ้าของรถก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูรถยนต์ของตนเองให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน รวมถึงดูแลในเรื่องของประกันรถยนต์ด้วย หากเกิดอุบัติเหตุเฉียวชน ก็สามารถที่จะซ่อมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดให้เป็นภาระกระเป๋าสตางค์ เพราะประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพียงแค่ส่งเบี้ยประกันประจำปีก็พอแล้ว</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">แต่ทั้งนี้หากคุณมีประกันภัยรถยนต์อยู่แล้ว แต่เมื่อครบกำหนดที่จะต้องต่อประกันภัยรถยนต์ คุณกลับรู้สึกว่าตลอดปีที่ผ่านมาไม่ได้เคลมประกันอะไร จะทำประกันต่อกับบริษัทเดิมหรือมองหาบริษัทประกันที่ไหนดี เราจึงขอแนะนำแนวทางดังต่อไปนี้</div><div class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><h2 class="ar-text-sub-title">คุณภาพของบริษัทประกัน</h2></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">สิ่งแรกที่เมื่อคุณเริ่มลังเลว่าจะเปลี่ยนบริษัทประกันรถยนต์ใหม่ต้องทำการพิจารณา คือ เรื่องของการบริการ เวลาเกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ให้บริการเป็นอย่างไร โทรเรียกแล้วมาเคลมในเวลาที่รวดเร็วหรือไม่ หรือต้องให้คุณต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ ถึงจะเดินทางมาถึงได้ รวมถึงเงื่อนไขของกรมธรรม์ตรงกับที่ระบุไว้ในสัญญาหรือไม่ มีการเล่นตุกติกหรือโปร่งใสแค่ไหน</div><div class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><h2 class="ar-text-sub-title">ราคาเบี้ยและทุนประกัน</h2></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">หากตัดสินใจที่จะต่อประกันกับบริษัทเดิม ควรทำการสอบถามว่าคุณสามารถที่จะขอลดหย่อนเบี้ยประกันได้หรือไม่ ในกรณีปีที่ผ่านมาไม่มีการเคลมเลยก็อาจจะได้รับการลดเบี้ยประกันเพราะประวัติใส แต่ในกรณีที่เฉี่ยวชนบ่อย เคลมตลอดปี เบี้ยประกันก็อาจจะสูงขึ้น ซึ่งต้องทำใจ และอาจจะมองหาบริษัทประกันอื่นทดแทน หากไม่อยากที่จะจ่ายเบี้ยประกันที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">สำหรับเรื่องของทุนประกันนั้น รถยนต์ทุกคันย่อมมีค่าเสื่อมราคาเมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่ง จึงส่งผลให้ทุนประกันลดลง เช่น ก่อนหน้าทุนประกันอยู่ที่ 500,000 บาท ในอีก 2 ปีข้างหน้าอาจจะลดลงเหลือที่ 400,000 บาท</div><div class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><h2 class="ar-text-sub-title">มองหาบริษัทประกันอื่นๆ</h2></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">ในกรณีที่คุณเคลมประกันบ่อยในช่วงปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าหากต่อประกันกับบริษัทเดิม จะต้องเสียเบี้ยประกันที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมองหาบริษัทประกันอื่น โดยการตรวจสอบบริษัทที่เบี้ยประกันถูกกว่า ซึ่งในส่วนนี้ผู้ต้องการเลือกซื้อประกันรถยนต์สามารถค้นหาข้อมูลได้จากตัวแทนหรือตามอินเทอร์เน็ต เพราะจะมีนักขับทั้งหลายที่มีประสบการณ์ได้เขียนริวิวเกี่ยวกับประกันที่ตนเองได้ซื้อไว้ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่สามารถใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อประกันของคุณได้เป็นอย่างไร แต่ก็ต้องเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะบางครั้งอาจจะเป็นข้อมูลที่มีการปรุงแต่งเกินความเป็นจริง</div><div class="row ar-mg-rm mt-40px-xl mt-24px-xs"><h2 class="ar-text-sub-title">เปรียบเทียบและตัดสินใจซื้อ</h2></div><div class="ar-text-content mt-ar-text1">สุดท้ายเมื่อได้ทำการมองหาบริษัทประกันที่ตนเองสนใจแล้ว จึงค่อยทำการเปรียบเทียบว่าหากเลือกที่จะซื้อประกันกับบริษัทเดิม กับบริษัทใหม่ มีความคุ้มค่าแตกต่างกันอย่างไร</div><div class="ar-text-content mt-40px-all">ท้ายที่สุดแล้วการเลือกซื้อประกันรถยนต์อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ เพราะหากวันใดวันหนึ่ง รถคันเก่งของคุณอาจจะต้องเจออุบัติเหตุ ถ้าเฉี่ยวชนนิดๆ หน่อยๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าชนหนัก ประกันรถยนต์ที่คุณได้ซื้อไว้ก็จะช่วยคุณอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถยนต์ของคุณและค่าซ่อมให้กับรถคู่กรณีอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงไม่ควรมองข้ามการทำประกันรถยนต์เด็ดขาด ทำไว้อย่างน้อยก็อุ่นใจเมื่อมีเหตุต้องใช้</div></div>
money-hub
3 Min Read
share
รอบรู้เรื่องรถ

รวมเรื่องควรรู้การต่อภาษีรถยนต์ ถ้าไม่อยากถูกจับ ปรับ

ปัจจุบัน มีการซื้อขายรถยนต์เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเพราะความจำเป็นหรือเหตุผลอื่น ๆ แต่สิ่งที่สำคัญรองลงมา คือ &ldquo;การต่อภาษีรถยนต์&rdquo; หรือเรียกง่าย ๆ ว่า การต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี โดยที่บทความนี้จะมาพูดถึงข้อควรรู้ที่เจ้าของรถป้ายแดงควรที่จะรู้ก่อนที่จะถูกจับ ปรับ และมากไปกว่านั้นจะได้รู้อีกว่าต่อภาษีรถยนต์ต้องใช้อะไร? ต่อภาษีรถยนต์เตรียมเอกสารอะไรบ้าง? มี<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/taxes/tax-knowledge/tax-deduction-plan-2022" target="_blank">ช่องทาง</a>ไหนบ้างในการต่อภาษีรถยนต์ ซึ่งเราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">ความสำคัญของการต่อภาษีรถยนต์</a></li> <li><a href="#title-2">ถ้าไม่ต่อภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร?</a></li> <li><a href="#title-3">การต่อภาษีรถยนต์ต้องทำอย่างไร?</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ความสำคัญของการต่อภาษีรถยนต์ </span></h2> </div> &quot;ต่อ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/taxes/tax-knowledge/tax-plan-salaryman" target="_blank">ภาษี</a>รถยนต์สำคัญยังไง&quot; อาจเป็นคำถามที่หลายคนถาม และคำตอบที่มักจะได้รับ คือก็ทำไปตามระเบียบกฎหมาย แต่ถ้ามองให้ลึกกว่านั้น การใช้รถโดยสารนั้น อาจจะทำให้ถนนมีความเสื่อมสภาพลง ซึ่งจำเป็นต้องสร้างถนนสายใหม่ ดังนั้น การที่เราทุกคนเสียภาษีรถยนต์ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหน่วยงานขนส่งให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงถนนทั่วประเทศตลอดจนการคมนาคมอื่น ๆ<br /> <br /> การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี เป็นส่วนที่สำคัญมากที่เจ้าของรถมือใหม่จะต้องทำ เพราะเป็นกฎระเบียบข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก ว่ารถที่ผ่านการจดทะเบียนแล้วจะต้องมีการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี<br /> &nbsp; <center><img alt="ความสำคัญการต่อภาษีรถยนต์" class="img-fluid" src="/getmedia/60cc35d8-f224-4746-b35b-07350d5abc34/things-car-owner-should-know-detail-01.jpg.aspx" /></center> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">ถ้าไม่ต่อภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร?</span></h2> </div> หากละเลยการต่อภาษี<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/auto-loan/3-steps-refinance-car-plan" target="_blank">รถยนต์</a>ย่อมถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และถือเป็นเรื่องสำคัญที่คนใช้รถควรรู้ แต่ถ้าหากไม่ต่อภาษีจะต้องปฏิบัติ ดังนี้ <ul style="margin-left:20px"> <li><strong>เสียค่าปรับ</strong><br /> ตามปกติแล้ว การต่อภาษีรถยนต์ สามารถทำได้ล่วงหน้าก่อนทะเบียนรถยนต์ หมดอายุไม่เกิน 3 เดือน (หรือ 90 วัน) แต่ถ้าต่อภาษีรถยนต์ล่าช้าจะโดนค่าปรับ 1% ของภาษีรถยนต์/เดือน ยิ่งปล่อยไว้นาน ค่าปรับก็จะยิ่งเพิ่ม หากปล่อยไว้นาน อาจโดนค่าปรับย้อนจนหลังอ่วมแน่นอน</li> <li><strong>ถูกระงับทะเบียนรถยนต์</strong><br /> เมื่อปล่อยรถไว้นาน โดยไม่ได้ทำการต่อทะเบียนรถยนต์เกิน 3 ปี ทางขนส่งจะดำเนินการระงับทะเบียนรถทันที แต่ถ้าหากจะใช้รถคันเดิม จะต้องดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนรถใหม่พร้อมคืนป้ายทะเบียนรถ รวมถึงดำเนินการชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลัง สำหรับรถของใครที่มีการซ่อมเป็นเวลายาวนาน หรือจอดไว้ไม่ได้ใช้งาน ขนส่งก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เราสามารถยื่นแสดงการระงับใช้รถชั่วคราวล่วงหน้าที่ขนส่งได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียภาษีในช่วงเวลานั้น ๆ</li> <li><strong>เสียค่าใช้จ่ายจิปาถะ</strong><br /> นอกจากค่าปรับแล้ว การไม่ต่อภาษีรถยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก เช่น ค่าตรวจสภาพ ค่าป้ายใหม่ เป็นต้น นี่ยังไม่นับค่าเดินทางไปๆ มาๆ กรณีเตรียมเอกสารไม่ครบหรือโดนเรียกเอกสารเพิ่มเติมอีก ซึ่งเทียบแล้วการยื่นต่อภาษีรถตามปกติ ยังมีแต่ข้อดีมากกว่าข้อเสีย</li> </ul> <br /> เพราะฉะนั้น ทุกคนควรดำเนินการต่อภาษีรถยนต์เป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะให้ไม่ต้องเสียค่าปรับย้อนหลัง แถมประหยัดเวลาอีกด้วย<br /> <br /> อ่านมาถึงตรงนี้แล้วทุกคนคงสงสัยใช่ไหมว่าเอ๊ะ! แล้วการต่อประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ) และการต่อประกันภัยภาคสมัครใจ ต้องทำยังไงบ้าง? เราขอแนะนำ <strong>&ldquo;Krungsri The COACH Ep.31 3 ข้อเจ้าของรถต้องรู้ ถ้าไม่อยากถูกจับ ถูกปรับ&rdquo;</strong> ดูคลิปเต็มแบบรวดเดียวจบเข้าใจเรื่องของการต่อภาษีรถยนต์ และเอกสารในการใช้ต่อภาษีรถยนต์<br /> <br /> <style type="text/css">.video-container { position: relative; padding-bottom: 56.25%; padding-top: 30px; height: 0; overflow: hidden; } .video-container iframe, .video-container object, .video-container embed { position: absolute; top: 0; left: 0; width: 100%; height: 100%; } </style> <div class="Tmgten video-container"><iframe data-gtm-yt-inspected-11="true" data-gtm-yt-inspected-13="true" data-gtm-yt-inspected-677699_404="true" data-gtm-yt-inspected-677699_86="true" data-gtm-yt-inspected-8="true" frameborder="0" height="422" id="668822690" src="https://www.youtube.com/embed/82hZqQWUWXQ?rel=0&amp;showinfo=1&amp;enablejsapi=1&amp;origin=https%3A%2F%2Fcms.krungsri.com" width="750"></iframe></div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2><span class="ar-sub-title mt-40px-all ml-0px-all-i">การต่อภาษีรถยนต์ต้องทำอย่างไร? </span></h2> </div> หลังจากที่ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการต่อภาษีรถยนต์แล้ว ทีนี้ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป คือการจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>เอกสารที่ต้องเตรียมในการต่อภาษีรถยนต์</strong></span></h3> <ul style="margin-left:20px"> <li>สมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา</li> <li>เอกสาร พ.ร.บ. รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ</li> <li>ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป)</li> <li>เงินสำหรับอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์&nbsp;</li> </ul> &nbsp; <center><img alt="ประกันภัยภาคบังคับ พ.ร.บ.รถยนต์" class="img-fluid" src="/getmedia/f42a07ee-fda7-44fa-a94c-a1c0b5af3098/things-car-owner-should-know-detail-02.jpg.aspx" /></center> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>เรามาต่อกันที่ การต่อประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ)</strong></span></h3> สำหรับรถยนต์ที่จะไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปีนั้น สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ พ.ร.บ. รถยนต์ โดยจะแบ่งเป็น 2 กรณีแบบเข้าใจง่าย ๆ<br /> &nbsp; <h4><strong>กรณีที่ 1 </strong></h4> โดยถ้าเป็นรถใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี สามารถนำเอกสาร สำเนาทะเบียนรถ หรือเล่มจริง สำเนาบัตรประชาชน ไปซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์ ได้ที่บริษัทตัวแทนจำหน่ายประกันภัย หรือธนาคารต่าง ๆ ใกล้บ้าน<br /> &nbsp; <h4><strong>กรณีที่ 2 </strong></h4> แต่หากรถมีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป จะต้องทำการตรวจสภาพรถก่อน โดยสามารถตรวจได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ทุกแห่ง ที่ได้การรับรองจากกรมการขนส่งทางบก รวมถึงที่กรมขนส่งทางบกทุกแห่ง<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>อัตราค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับรถยนต์ ขึ้นอยู่กับประเภทรถ โดยมีรายละเอียดอ้างอิงจาก คปภ. ดังนี้</strong></span></h3> <ul style="margin-left:20px"> <li>รถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 7 คน ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. 600 บาท/ปี</li> <li>รถยนต์โดยสารเกิน 7 คน ไม่เกิน 15 ที่นั่ง ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. 1,100 บาท/ปี</li> <li>รถยนต์โดยสารเกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. 2,050 บาท/ปี</li> <li>รถยนต์โดยสารเกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. 3,200 บาท/ปี</li> <li>รถยนต์โดยสารเกิน 40 ที่นั่ง ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. 3,740 บาท/ปี</li> <li>รถยนต์ไฟฟ้า ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. 600 บาท/ปี</li> </ul> <br /> สุดท้ายนี้อยากจะบอกกับเจ้าของรถมือใหม่ทุกคน ว่าอย่าลืมตรวจเช็กช่วงเวลาในการต่อภาษีรถยนต์ให้ดี ๆ ถ้าไม่อยากโดนค่าปรับย้อนหลัจนหลังอ่วม และขอให้เจ้าของรถมือใหม่สนุกกับการขับขี่ยานพาหนะ ภายใต้กฎหมายจราจร <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style>
ks-coach
5 Min Read
share