หลังจากดังเปรี้ยงปร้างสร้างกระแส “ออเจ้า” กันทั่วพระนคร นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “บุพเพสันนิวาส” ละครดังเรตติ้งแรงของทางไทยทีวีสีช่อง 3 ที่สร้างจากนวนิยายแนวพีเรียดของ “รอมแพง” นามปากกานักเขียนที่ดังไม่แพ้ละครเรื่องนี้
นอกจากกระแสละครแล้ว ยังทำให้ผู้คนลุกขึ้นมานุ่งโจงห่มสไบไปเที่ยวโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในบรรยากาศแบบย้อนยุคอีกด้วย
จากเสน่ห์ละครอิงประวัติศาสตร์ที่สร้างขนบการเล่าแบบสมัยใหม่ได้อย่างสนุกและขบขัน ทำให้กลายเป็นเรื่องราวโรแมนติกคอมเมดี้ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวลีเด็ดและ Meme ฮิตในโลกโซเชียลได้ทุกครั้งที่ออนแอร์ คงไม่มีใครในพระนครที่ไม่อยากรู้จักคุณอุ้ย – จันทร์ยวีร์ สมปรีดา หรือเจ้าของนามปากกา “รอมแพง” ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวสนุก ๆ เรื่องนี้เป็นแน่ (แอบติดภาษาพี่หมื่นมาเสียแล้วสิหนา!)
วันนี้เราจึงชวนคุณอุ้ยมานั่งคุยและเล่าให้เราฟังแบบเพลิน ๆ ถึงเส้นทางการเป็นนักเขียนของเธอ ยิ่งคุยยิ่งทำให้เราเซอร์ไพรส์ในหลาย ๆ เรื่องเลยล่ะครับ
ใครจะไปรู้ว่าคุณอุ้ยจะเป็นแบคแพคเกอร์ตัวจริงที่ชอบสะพายเป้ลุยเดี่ยวต่างประเทศ(แค่ดูบุคลิกแม่หญิงการะเกดในเรื่อง คงจะพอเดาได้บ้างว่า นักเขียนรักการท่องเที่ยวขนาดไหน)
แถมกว่าจะค้นหาเส้นทางของตัวเองเจอ คุณอุ้ยเคยเป็นพนักงานขายบ้านบ้าง ขายเครื่องสำอางบ้าง ลองเปลี่ยนอาชีพมาแล้วสารพัดเลยล่ะครับ

ที่มาของ “รอมแพง”
คุณอุ้ยเล่าให้เราฟังว่า นามปากกา “รอมแพง” นี้เป็นชื่อตัวละครหนึ่งในนวนิยายเรื่อง เวียงกุมกาม ของทมยันตี ซึ่งเป็นชื่อที่คุณอุ้ยชื่นชอบเพราะเป็นภาษาล้านนาโบราณ มีความหมายลึกซึ้งแปลว่า หญิงผู้เป็นที่รัก จึงเลือกมาใช้เป็นนามปากกา
คุณอุ้ยเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียนจบคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ (เหมือนกับตัวละครเกศสุรางค์ ในเรื่องบุพเพสันนิวาส) โดยหลังจากจบการศึกษา คุณอุ้ยและเพื่อน ๆ มักจะทำงานหลากหลายสายอาชีพ โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องทำงานตรงสายที่เรียนมา ขึ้นอยู่กับสาขาของแต่ละคนและการนำวิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาไปประยุกต์ใช้ ด้านคุณอุ้ยเองก็ได้ทำงานเป็นพนักงานประจำมาแล้วหลากหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็น BA ขายเครื่องสำอาง เซลล์ขายบ้าน เลขานุการทนายความ ธุรการ พนักงานประมาณราคาของบริษัทตกแต่งภายใน พนักงานพิสูจน์อักษร ฯลฯ มีหลายครั้งที่เกือบจะได้ทำงานตรงสายที่เรียน เช่น ภัณฑารักษ์ (ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์) ฯลฯ แต่มักจะมีเหตุให้ไม่ได้ไปทำด้านนั้น

ทางหลายทาง เดินไปก็ไม่ใช่ เลยเลือกสร้าง “ทาง” ของตัวเอง
หลังจากที่เธอได้ลองทำงานในหลาย ๆ อาชีพก็รู้ตัวว่าไม่ใช่สิ่งที่ตนเองรัก จึงทำได้ไม่นานก็ลาออกและเปลี่ยนงานใหม่ทุกครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2549 คุณอุ้ยได้ลองเขียนนวนิยายลงเว็บไซต์ Pantip และมีคนเริ่มติดตาม ประกอบกับมีแมวมองจากสำนักพิมพ์เข้ามาทาบทามให้ลงตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม เธอจึงทำงานประจำไปด้วยและมีงานเขียนบนโลกออนไลน์เป็นงานอดิเรก ซึ่งเป็นงานที่เธอรัก
จนถึงจุดหนึ่งเธอตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเป็นนักเขียนอาชีพอย่างเต็มตัวเพราะงานเขียนเป็นงานที่ต้องโฟกัสและทุ่มเทเวลา โดยเฉพาะในขั้นตอนของการหาข้อมูลมาเขียนหนังสือ
“นับว่าค่อนข้างบ้าบิ่นเหมือนกันที่ออกมาอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นหนังสือยังไม่ได้วางจำหน่ายเลย แต่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว...” เรามองคุณอุ้ยเล่าความหลังให้ฟังแกมยิ้ม ๆ พลางสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และความจริงใจต่องานที่เธอชอบ
เมื่อถามว่า เธอได้เตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนจะลาออก เช่นการวางแผนทางการเงิน เธอตอบว่า “มีเงินเก็บอยู่บ้าง และมีครอบครัวคอยซัพพอร์ต แต่ไม่ได้รบกวนครอบครัวเท่าไหร่เลย”
กว่าจะมาเป็น “บุพเพสันนิวาส”
แม้จะใช้เวลาเขียนนวนิยายเรื่องบุพเพสันนิวาสเพียง 1 เดือน แต่คุณอุ้ยเล่าว่าต้องใช้เวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียนถึง 3 ปีเศษ โดยเมื่อมีพล็อตเรื่องแล้ว ก็เริ่มหาข้อมูลจากการอ่านหนังสือ และพงศาวดารต่าง ๆ แล้วนำมาผูกโยงเข้ากับจินตนาการ
ทำไมต้องเป็นสมัยสมเด็จพระนารายณ์
เมื่อถามเหตุผลว่า ทำไมถึงเจาะจงเลือกเขียนในยุคสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คุณอุ้ยอธิบายว่า ก่อนหาข้อมูล เธอต้องตัดสินใจเลือกว่าจะเอายุคสมัยใดมาเขียนดี เลยอยากเลือกยุคสมัยที่ยังไม่ค่อยมีคนเขียนถึงมากนัก เพื่อให้งานเขียนออกมามีความแตกต่างและน่าสนใจ
ท้าวทองกีบม้า ตัวละครโปรด
ไม่ว่าใครจะปลื้มพี่หมื่น รักแม่นายการะเกด จับจองหมื่นเรือง หรือคลั่งใคล้แม่หญิงจันทร์วาด ฯลฯ แต่หากถามถึงตัวละครตัวโปรดแล้ว คุณอุ้ยกลับชอบแม่มะลิ หรือท้าวทองกีบม้า เพราะเห็นใจในชะตากรรมของตัวละครตัวนี้ ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์
ท้าวทองกีบม้า หรือตองกิมาร์ ภริยาของฟอลคอน (เจ้าพระยาวิชเยนทร์) ผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชินีขนมหวานไทย เป็นลูกครึ่งโปรตุเกส ญี่ปุ่นและเบงกอล มีชีวิตที่พลิกผันเมื่อได้แต่งงานกับฟอลคอน ทำให้เธอได้อยู่ในสังคมระดับสูงภายในชั่วเวลาข้ามคืน แต่สุดท้ายต้องตกระกำลำบากในภายหลัง1

เกศสุรางค์ กับที่มาของคาแรคเตอร์ป่วน-ซน-ฮา
หลายคนต่างก็หลงรักบุคลิกและคำพูดฮา ๆ ของเกศสุรางค์ นางเอกในเรื่องที่ทั้งแก่น ซน กล้าหาญ รอบรู้ นิสัยดี และตลกในคนเดียวกัน พอได้เจอคุณอุ้ยเลยอดถามไม่ได้ครับว่า ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างคาแรคเตอร์ของตัวละครตัวนี้มาจากไหน
“เราก็เอาตัวเราเองมาเขียน คือจินตนาการว่าหากเราได้หลุดไปอยู่ในสมัยอยุธยาจะน่าตื่นเต้นขนาดไหน จะอยากเห็นอะไรบ้าง อย่างของกิน หมูกระทะ หรือมะม่วงน้ำปลาหวานก็ของชอบส่วนตัว ส่วนเครื่องกรองน้ำก็เคยเห็นจากพิพิธภัณฑ์ในอยุธยา...”
ต้นฉบับ “บุพเพสันนิวาส” เคยถูกปฏิเสธจากทางสำนักพิมพ์
ยอมรับครับว่า ตอนนั่งฟังคุณอุ้ยเล่าถึงสมัยที่เธอยื่นต้นฉบับเรื่อง บุพเพสันนิวาส ให้บางสำนักพิมพ์ แต่กลับถูกปฏิเสธ จนสุดท้ายก็ได้รับการตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์เดิมที่เธอเคยร่วมงานกันมาก่อน ชวนให้นึกถึงเรื่องราวของเจ.เค.โรว์ลิง นักเขียนมือทองผู้เขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เคยถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ต้นฉบับแฮร์รี่ พอตเตอร์หลายครั้งก่อนที่จะโด่งดังในภายหลัง ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจว่า คนเราย่อมต้องผ่านโมเมนต์แบบนี้บ้าง ก่อนจะประสบความสำเร็จ

สาวสายลุย กับตัวตนที่สะท้อนผ่านไลฟ์สไตล์อิสระ
เมื่อถามถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต คุณอุ้ยเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า ชอบเที่ยวแบบแบคแพค แบกเป้เดินทางไปท่องเที่ยวคนเดียวทั้งในไทยและต่างประเทศ อย่างในไทย เวลาไปครั้งนึงจะไปเที่ยวทั้งภาคเลย ไปทีละหลายจังหวัด ส่วนต่างประเทศ ที่ไปมามีประเทศเยอรมัน 25 วัน ฯลฯ โดยจะชอบเดินชมพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานของประเทศนั้น ๆ เวลาไปท่องเที่ยวแต่ละครั้งจะไปนานนับเดือน ส่วนตอนนี้อยากไปฝรั่งเศสและอิตาลี เพียงแต่ยังไม่มีเวลา
นอกจากนี้ เธอยังรักการอ่าน ชอบอ่านนวนิยาย นักเขียนในดวงใจจึงมีหลายท่าน เช่น ทมยันตี แก้วเก้า/ว.วินิจฉัยกุล กิ่งฉัตร ตรี อภิรุม ฯลฯ แถมเธอยังชอบเล่นเกมอีกด้วย
ฝากถึงคนที่อยากเป็นนักเขียนรุ่นใหม่อย่างไรบ้าง

“ขอให้อ่านเยอะ ๆ เราจะมีคลังคำเป็นสำนวนของตัวเอง เขียนแล้วลื่นไหล ถ้าอยากเขียนให้รีบเขียนเลย เพราะงานเขียนเป็นงานทักษะ ถ้าเราทำบ่อย ๆ จะทำได้ดีขึ้น ชำนาญขึ้น ช่วยให้รู้ว่าข้อด้อยของเราคืออะไรได้เร็วขึ้น” และมองหาสำนักพิมพ์ที่ทำงานเข้ากับเราได้ดี
นอกจากนี้ คุณอุ้ยเล่าว่า บางครั้งการได้รับคอมเมนต์จากแฟน ๆ บนโลกออนไลน์ก็มีส่วนช่วยให้นักเขียนได้นำมาพัฒนาปรับปรุงด้านความถูกต้องของข้อมูลมากขึ้นเช่นกัน
จะเห็นได้ว่ากว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้นั้น เส้นทางทุกสายไม่ได้สร้างกันชั่วเวลาข้ามคืน แต่เกิดจากการสั่งสมความรักความเอาใจใส่ บ่มเพาะมาเป็นเวลาถึง 11 ปีกว่า ๆ รอจังหวะที่เหมาะสมให้ฉายแสง
แต่ทั้งนี้ เรื่องราวของคุณอุ้ยทำให้เราเห็นด้วยครับว่าคนเราจะอาศัยแค่ความรักและเวลาอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เพราะส่วนผสมของความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ความกล้าตัดสินใจที่จะ “เลือก” ทำในสิ่งที่ตัวเองรักด้วยครับ
https://food.mthai.com/,
https://www.guru.sanook.com/