ทุกคนเคยรู้สึกกันไหมว่า ชีวิตนี้มันยุ่งยากซับซ้อนไปหมด ขนาดเรื่องง่าย ๆ อย่างเลือกเสื้อผ้าไปทำงาน จัดของเดินทางไปเที่ยว หลาย ๆ คนก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก แล้วมีอะไรบ้างที่จะเข้ามาช่วยจัดการชีวิตของเราให้ง่ายขึ้น วิถี ‘มินิมอลลิสม์’ เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตแบบหนึ่งที่อาจกำลังเข้ามาตอบคำถามของคุณ เป็นความง่ายที่ไม่ใช่แค่สไตล์ แต่เป็นวิถีชีวิตที่ช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของสิ่งที่อยู่รอบตัวมากขึ้น มาทำความรู้จักและสร้างความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันครับ

กำจัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป เหลือไว้แค่สิ่งสำคัญ
หลายคนอาจคุ้นชินกับความหมายของมินิมอลลิสม์แค่ว่า เป็นสไตล์ที่เรียบง่าย ดูสะอาดตา ความหมายนี้ถูกต้อง แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หัวใจสำคัญของแนวคิดนี้คือเรื่อง ‘การลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปและเหลือไว้แค่สิ่งสำคัญ’ เป็นความหมายที่ตรงตัวและสามารถลงมือทำได้เลย เช่น เสื้อผ้าตัวไหนที่ไม่ใช้แล้วก็นำมันไปทิ้งหรือบริจาค เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่เราไม่ได้ใช้ก็นำชิ้นนั้นไปขาย หรือแม้กระทั่งถ้ารู้สึกว่าขนาดของบ้านใหญ่เกินไปสำหรับการอยู่คนเดียวหรือคู่ชีวิตก็อาจขายต่อเพื่อไปซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ที่ตอบโจทย์กับตัวเองมากขึ้นในราคาที่ถูกกว่า โดยทำให้มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้กับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมากขึ้น
และไม่ใช่เรื่องกับสิ่งของเท่านั้น แนวคิดมินิมอลลิสม์สามารถเข้าไปช่วยในการพัฒนาความคิดและจิตใจ เพื่อหาความหมายในการใช้ชีวิตที่เป็นสุข สมดุลชีวิตที่พอดี ความคิด ความรู้สึกไหนที่สร้างความหนักใจ ยุ่งยาก และไม่จำเป็นกับเราก็สามารถกำจัดมันไปได้เช่นกัน สนใจแค่สิ่งที่สำคัญกับเราในชีวิตก็เพียงพอแล้ว

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติก
วิถีชีวิตแบบมินิมอลลิสม์ไม่เพียงให้ความสำคัญในมุมของตัวเองเท่านั้น การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็เป็นแนวคิดที่มินิมอลลิสม์ให้คุณค่า เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของโลกและเป็นรากฐานที่เกี่ยวโยงกับทุกชีวิต การเลือกของใช้ในชีวิตประจำวันจึงเป็นมากกว่าการเลือกตามใจชอบ ตามเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม หรือเพราะความสะดวกสบาย แต่จะต้องสอดคล้องไปกับการลดการใช้จ่ายไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น อาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลที่มีอยู่กับบ้านมาใช้จ่ายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อลดปริมาณพลาสติก การใช้ชีวิตแบบนี้อาจจะดูยุ่งยากในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อทำจนเป็นนิสัย ก็จะเป็นวิธีที่สามารถช่วยจัดระเบียบชีวิตของตัวเองและได้ช่วยเหลือโลกไปในตัว
ประสบการณ์ในชีวิตสำคัญกว่าสิ่งของที่มีราคา
การมีสิ่งของจำนวนมากติดตัว หรือการมีสิ่งของเพื่อแสดงฐานะทางสังคม ไม่ใช่หนทางของ มินิมอลลิสม์ สิ่งที่แนวคิดนี้ให้ความสำคัญคือ เรื่องราวและความรู้สึกของตัวเองที่มีกับสิ่งของนั้นหรือช่วงความคิดในเวลานั้น ๆ จึงทำให้เห็นได้ว่าคนใช้ชีวิตแบบมินิมอลลิสม์ มักเลือกที่จะใช้ของให้น้อยที่สุด และของที่มีนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นของแบรนด์เนม แม้กระทั่งเวลาเดินทาง อาจเป็นสินค้าราคาถูกแต่แฝงเรื่องราวที่ชวนประทับใจ เช่น รองเท้าที่ใช้เป็นรองเท้าที่แฟนซื้อให้ เสื้อคลุมตัวโปรดที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดในปีนี้ เพราะเมื่อเรามีสิ่งของที่ไม่จำเป็นน้อยลงจะทำให้เราได้ทบทวนกับสิ่งของที่เรามีมากขึ้น อาจทำให้เรามีความสุขในระยะยาวมากกว่าการจ่ายเพื่อซื้อของจำนวนมากเก็บไว้ในบ้าน
